MGR ออนไลน์ - เขตยองหยางของเกาหลีใต้ระบุว่ามีแผนที่จะรับผู้ลี้ภัยจากพม่าตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เพื่อแก้ปัญหาจำนวนประชากรที่ลดลง
เกาหลีใต้มีอัตราเกิดต่ำสุดแห่งหนึ่งของโลก และคาดว่าจำนวนประชากร 51 ล้านคน จะลดลงครึ่งหนึ่งภายในสิ้นศตวรรษนี้
เขตยองหยาง ที่อยู่ห่างจากกรุงโซลประมาณ 230 กิโลเมตร ใน จ.คยองซังเหนือ ทางฝั่งตะวันออกของประเทศ เป็นเขตที่มีประชากรน้อยที่สุดในเกาหลีใต้ ไม่รวมเกาะ โดยมีผู้อยู่อาศัยราว 15,000 คน
เพื่อเพิ่มจำนวนประชากร เขตยองหยางกำลังทำงานร่วมกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติในแผนรับสมาชิกชาวกะเหรี่ยงที่เป็นชนกลุ่มน้อย ที่มีสัดส่วนคิดเป็น 6.5% ของประชากรพม่า
ชาวกะเหรี่ยงจำนวนมากจากพื้นที่ทางตะวันออกของพม่าต้องอพยพออกจากพื้นที่ในช่วงหลายทศวรรษของการสู้รบระหว่างกองกำลังกะเหรี่ยงที่แสวงหาการกำหนดชะตากรรมของตนเอง และกองทัพพม่า และมีชาวกะเหรี่ยงประมาณ 100,000 คน อาศัยอยู่ในค่ายพักบนพรมแดนฝั่งไทยที่ติดกับพม่ามาเป็นเวลาหลายปี
เขตยองหยางระบุว่าในเบื้องต้นจะรับ 10 ครอบครัว รวมประมาณ 40 คน อย่างเร็วที่สุดในครึ่งหลังของปีนี้ แต่ยังกล่าวเสริมว่ายังคงหารือในรายละเอียดกับรัฐบาลเกาหลีใต้
เขตมีแผนที่จะปรับเปลี่ยนอาคารที่ไม่ได้ใช้งาน เช่น โรงเรียนเก่าให้เป็นที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับผู้คนจากพม่า
โครงการริเริ่มอื่นๆ เพื่อเพิ่มประชากรของเขตยองหยาง ยังรวมถึงการสนับสนุนให้สมาชิกของครอบครัวและญาติพี่น้องจดทะเบียนที่อยู่ของตนในเขต และเสนอเงินจูงใจสำหรับการคลอดบุตรสูงถึง 100 ล้านวอน (69,000 ดอลลาร์)
กระทรวงยุติธรรมระบุว่า ชาวพม่าเป็นกลุ่มผู้ลี้ภัยที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการมากที่สุดในเกาหลีใต้ โดยมีผู้ได้รับสถานะผู้ลี้ภัย 474 คน ในปี 2567
นอกจากนี้ ชาวพม่า 55 คน ที่ไม่ได้รับสถานะผู้ลี้ภัย จะได้รับอนุญาตให้พำนักตามหลักมนุษยธรรม เนื่องจากความเสี่ยงของการถูกกดขี่ข่มเหงหรือทำร้ายหากส่งตัวกลับประเทศ
ในจำนวนคำร้องขอสถานะผู้ลี้ภัย 122,095 รายการที่ยื่นในเกาหลีใต้โดยชาวต่างชาติจากทุกประเทศ มีการดำเนินการไปแล้ว 94,391 รายการ ขณะที่อีก 27,704 รายการยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ
เหตุผลที่พบได้มากที่สุดในการขอสถานะผู้ลี้ภัย คือการข่มเหงทางการเมือง ความเชื่อทางศาสนา และการเป็นสมาชิกในกลุ่มสังคมเฉพาะ อย่างไรก็ตาม 42% ของคำร้องถูกยกเลิก เนื่องจากไม่เป็นไปตามเกณฑ์ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยผู้ลี้ภัย รวมถึงกรณีที่เกิดขึ้นจากความยากลำบากทางเศรษฐกิจหรือภัยคุกคามต่อความเป็นส่วนตัว
ชาวกะเหรี่ยงที่ส่วนใหญ่เป็นคริสเตียน ต้องเผชิญกับการข่มเหงและความขัดแย้งมานานหลายทศวรรษ
สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) กองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดของพม่า จับอาวุธขึ้นต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิในการปกครองตนเองหลังจากพม่าได้รับเอกราชจากอังกฤษเพียงไม่นาน
หลังการรัฐประหารในปี 2564 รัฐบาลทหารทวีความรุนแรงในการโจมตีพื้นที่ของชาวกะเหรี่ยงด้วยการโจมตีทางอากาศ การบังคับอพยพย้ายถิ่น และการละเมิดอื่นๆ กลุ่มสิทธิระบุ.