MGR Online - ชาวบ้านเครียดหลังความขัดแย้งระหว่างกองทัพชาติพันธุ์ในรัฐฉานเหนือส่อเค้าบานปลาย เมื่อกองทัพตะอั้งขยายอิทธิพลเข้าไปในหลายเมือง ล่าสุด ส่งทหารกว่า 100 นายบุกยึดสำนักงานกองทัพคะฉิ่นในเมืองก๊ตขาย สั่ง KIA ให้ถอนทหารทั้งหมดออกจากพื้นที่ เกณฑ์ผู้ชายทุกชาติพันธุ์ อายุ 18-45 ปี เข้ากองทัพ ตั้งเป็นทหารคุ้มครองเมืองกุ๊ต
วานนี้ (12 มี.ค.) สำนักข่าว Ngao Leng Mun Mai รายงานว่า กองทัพตะอั้ง (TNLA) ได้มีคำสั่งให้โรงพยาบาล และคลินิกเอกชนในเมืองน้ำคำ หยุดให้บริการประชาชนเป็นเวลา 10 วัน โดยไม่บอกเหตุผล สร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านน้ำคำที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลต่อเนื่อง หรือมีนัดกับแพทย์ของโรงพยาบาลและคลินิกเอกชนเหล่านี้ และบีบให้ชาวบ้านต้องไปเปลี่ยนไปรับการรักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลของกองทัพตะอั้ง
คำสั่งดังกล่าว เป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวของกองทัพตะอั้งที่ต้องการขยายอิทธิพลครอบคลุมหลายพื้นที่ของรัฐฉานเหนือกับบางส่วนของภาคมัณฑะเลย์ และตั้งเป็นเงื่อนไขให้รัฐบาลกลางพม่าต้องสถาปนารัฐชาติพันธุ์ของชาวตะอั้งขึ้นเป็นรัฐชาติพันธุ์ลำดับที่ 8 เพื่อแลกกับการหยุดยิงกับกองทัพพม่า ทั้งที่ประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่เหล่านี้ไม่ใช่ชาวตะอั้ง หรือปะหล่อง แต่เป็นชาวไตหรือชาวไทใหญ่ รวมถึงชาวพม่า และชนชาติพันธุ์อื่นอีกหลายกลุ่ม
เมืองน้ำคำเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดหมู่เจ้ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองหมู่เจ้ ห่างจากตัวเมืองหมู่เจ้ประมาณ 30 กิโลเมตร ฝั่งตรงข้ามทางทิศเหนือของเมืองน้ำคำเป็นบ้านปางคำ อำเภอบะมอ จังหวัดมานซี รัฐคะฉิ่น และเมืองรุ่ยลี่ เขตปกครองตนเองชนชาติไตและจิ่งพัว มณฑลยูนนาน ของจีน
กองทัพตะอั้งเข้ายึดเมืองน้ำคำเอาไว้หลังทหารพม่าถอนกำลังออกไปจากปฏิบัติการ 1027 รอบแรก เมื่อปลายปี 2566 โดยในตอนนั้น กองทัพตะอั้งต้องการมีพื้นที่ปกครองตนเองที่มีชายแดนติดกับจีน
รัฐธรรมนูญฉบับปี 2008 ของพม่า ให้การรับรองเขตปกครองตนเองชนชาติตะอั้งในรัฐฉาน ประกอบด้วย 2 อำเภอ คือ อำเภอน้ำสั่นและอำเภอหม่านโต่ง แต่ทั้ง 2 อำเภออยู่ติดกับจังหวัดเมืองมีตและจังหวัดจ๊อกแม ในรัฐฉานเหนือ โดยไม่มีพื้นที่ติดกับจีนแต่อย่างใด
ในปฏิบัติการ 1027 รอบ 2 ที่เริ่มขึ้นในปลายเดือนมิถุนายน 2567 กองทัพตะอั้งโดยความช่วยเหลือของ PDF หรือกองกำลังติดอาวุธของรัฐบาลเงา (NUG) ได้นำกำลังบุกยึดพื้นที่เมืองสีป้อ เมืองจ๊อกแม เมืองมีต รวมถึงข้ามไปยึดเมืองกุ๊ตหรือโมโก๊ะในภาษาพม่าที่ขึ้นกับภาคมัณฑะเลย์ ซึ่งมีพื้นที่ติดกับเมืองมีต
เมืองกุ๊ตเป็น 1 ใน 3 แหล่งหยกขนาดใหญ่ของพม่า (อีก 2 แหล่ง ได้แก่ เมืองสู้ จังหวัดดอยแหลม รัฐฉานใต้ และเมืองผากั้น จังหวัดโมญิน รัฐคะฉิ่น) เดิมเมืองกุ๊ตเป็นเมืองของชาวไทใหญ่ แต่ได้ถูกอังกฤษโยกให้ไปขึ้นกับภาคมัณฑะเลย์ ในยุคอาณานิคม
ทุกวันนี้ หลายพื้นที่ของเมืองกุ๊ตมีการทำเหมืองหยกเพื่อส่งออกไปขายยังจีน โดยใช้พื้นที่เมืองมีตที่อยู่ติดกันเป็นเส้นทางขนส่ง ดังนั้นจึงมีกองกำลังติดอาวุธหลายกลุ่มเข้ามาตั้งฐานเคลื่อนไหวอยู่ในเมืองมีตเพื่อหาผลประโยชน์จากการขนหยกจากเมืองกุ๊ตข้ามไปขายที่จีน ขณะที่กองทัพตะอั้งต้องการครอบครองพื้นที่เมืองกุ๊ตและเมืองมีตไว้แต่เพียงกลุ่มเดียว
ความพยายามขยายอิทธิพลของกองทัพตะอั้ง นอกจากไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่แล้ว ยังได้สร้างความขัดแย้งกับกองกำลังติดอาวุธกลุ่มอื่นในรัฐฉานเหนือ ทั้งที่กองกำลังเหล่านี้เคยจับมือเป็นพันธมิตรร่วมรบกับกองทัพตะอั้งต่อสู้กับกองทัพพม่า
Ngao Leng Mun Mai ยังมีรายงานอีกว่า กองทัพตะอั้งได้ประกาศจะตั้งกองกำลังคุ้มครองเมืองกุ๊ต โดยออกคำสั่งเกณฑ์ผู้ชายจากทุกชาติพันธุ์ บังคับให้ทุกครัวเรือนในเมืองกุ๊ตต้องส่งสมาชิกที่เป็นชายอายุตั้งแต่ 18-45 ปี ครัวเรือนละ 1 คน เข้าเป็นทหารของกองทัพตะอั้ง ตั้งเป้าไว้ว่า แต่ละหมู่บ้านต้องมีทหารใหม่เข้ามารับการฝึกฝน หมู่บ้านละ 30-50 คน คำสั่งนี้ได้สร้างความวิตกกังวลและไม่พอใจแก่ชาวบ้านเมืองกุ๊ตจำนวนมาก
นอกจากที่เมืองน้ำคำและเมืองกุ๊ตแล้ว Ngao Leng Mun Mai ยังรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา กองทัพตะอั้งได้มีคำสั่งให้กองทัพเอกราชคะฉิ่น (KIA) ถอนกำลังทหารที่ตั้งฐานปฏิบัติการไว้ 7 แห่ง ในเมืองก๊ตขาย ให้ถอนกำลังออกจากพื้นที่ทั้งหมดโดยทันที หากไม่ยินยอมจะใช้กำลังทหารบุกโจมตี
คนเมืองก๊ตขายบอกกับผู้สื่อข่าวว่า หลังมีคำสั่งดังกล่าวออกมา กองทัพเอกราชคะฉิ่นไม่ยอมรับและยังคงยืนยันจะคงกำลังพลไว้ในเมืองก๊ตขาย ทำให้บรรยากาศภายในเมืองก๊ตขายขณะนี้เกิดความตึงเครียดขึ้นอย่างรุนแรง ชาวบ้านต่างหวาดกลัวว่าศึกสู้รบระหว่างกองทัพตะอั้งและคะฉิ่นกำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ และผู้ที่จะได้รับความเดือดร้อน ก็คือชาวบ้านที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 กองทัพตะอั้งได้นำกำลังพลที่ประจำการอยู่ในเมืองก๊ตขายมากกว่า 100 นาย บุกไปยึดสำนักงานประสานงานของกองทัพเอกราชคะฉิ่น ประจำเมืองก๊ตขาย พร้อมจับกุมตัวทหารคะฉิ่นที่อยู่ในสำนักงานแห่งนี้ประมาณ 20 นาย ไปปล่อยทิ้งไว้ที่เมืองน้ำผักกา บนเส้นทางเชื่อมจากเมืองก๊ตขายขึ้นไปยังรัฐคะฉิ่น จากนั้นได้บุกเข้ารื้อค้นและยึดเอกสารของกองทัพเอกราชคะฉิ่นในสำนักงานแห่งนี้ไปทั้งหมด
ก๊ตขายเป็นเมืองระดับอำเภอขึ้นกับจังหวัดหมู่เจ้ ตัวเมืองก๊ตขายตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 3 ระหว่างทางจากด่านชายแดนพม่า-จีน ที่เมืองหมู่เจ้ ลงมายังเมืองแสนหวี หลังทหารพม่าถอนกำลังออกไปจากพื้นที่นี้เมื่อกลางปี 2567 จากปฏิบัติการ 1027 รอบ 2 เมืองก๊ตขายได้กลายเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวของทหารจากกองกำลังติดอาวุธหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกองทัพตะอั้ง กองทัพเอกราชคะฉิ่น และกองทัพโกก้าง (MNDAA)
ตลอดครึ่งหลังของปี 2567 ทหารของทั้ง 3 กองทัพ ต่างเกิดความขัดแย้งถึงขั้นยกพวกมาชกต่อย ตะลุมบอนกันเองเป็นประจำ เพราะแต่ละกองทัพต้องการแย่งชิงพื้นที่ปกครองในเมืองก๊ตขาย เพื่อควบคุมเส้นทางขนส่งสินค้าที่ซื้อขายกันระหว่างจีนกับพม่า แต่ที่ผ่านมา ความขัดแย้งยังไม่เคยรุนแรงถึงขั้นนำอาวุธออกมาห้ำหั่นกัน
แต่ความพยายามแพร่อิทธิพลออกไปในหลายเมืองของกองทัพตะอั้ง ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง 3 กองทัพชาติพันธุ์ที่เคยจับมือกันในนามพันธมิตรภาคเหนือสู้รบกับกองทัพพม่ามาตั้งแต่ปี 2559 กำลังร้าวฉานอย่างหนัก สงครามภายในพื้นที่รัฐฉานเหนือ ระหว่างกองทัพตะอั้ง กองทัพคะฉิ่น และกองทัพโกก้าง มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นสูงมาก.