เอเอฟพี - วินกรุ๊ป (Vingroup) กลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนามกล่าวว่าบริษัทกำลังขออนุญาตเริ่มงานในเดือนหน้าในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่ามากถึง 9,000 ล้านดอลลาร์ ในพื้นที่ชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งเป็นที่ตั้งของป่าชายเลนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก
โครงการใน อ.เกิ่นเส่อ ชานนครโฮจิมินห์ เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่หาได้ยากจากนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม เมื่อโครงการได้รับการอนุมัติในปี 2563 ที่กังวลเกี่ยวกับความใกล้ชิดของโครงการกับพื้นที่เขตสงวนชีวมณฑล
โครงการพัฒนาเมืองถมทะเลเกิ่นเส่อ ที่มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2573 มุ่งหวังที่จะเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลที่มีโรงแรม เมืองอัจฉริยะ และพื้นที่อยู่อาศัยบนพื้นที่ขนาด 2,870 เฮกตาร์
โครงการนี้น่าจะสามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้ 230,000 คน และดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ 9 ล้านคนต่อปีเมื่อโครงการแล้วเสร็จ ตามรายงานของสื่อของรัฐ
บริษัทวินกรุ๊ปกล่าวว่าบริษัทตั้งเป้าที่จะเริ่มก่อสร้างในวันที่ 30 เม.ย.ปีนี้ และเสริมว่าโครงการที่วางแผนอย่างรอบคอบนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยการปกป้องสิ่งแวดล้อม และสร้างสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัยที่สะดวกสบายและเป็นมิตรกับธรรมชาติ
สื่อของรัฐระบุว่าพื้นที่พัฒนาตั้งอยู่ห่างจากเขตอนุรักษ์ชีวมณฑลป่าชายเลนเกิ่นเส่อ ที่ถือเป็นปอดสีเขียวของนครโฮจิมินห์ ราว 18 กิโลเมตร
ป่าชายเลนดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ และสารก่อมลพิษอื่นๆ ทุกคน และยังเต็มไปด้วยพันธุ์พืชและสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ ตามข้อมูลของยูเนสโก
ในคำร้องออนไลน์ที่เริ่มขึ้นในปี 2563 และส่งถึงผู้นำที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเวียดนามในขณะนั้น นักวิชาการที่มีชื่อเสียง นักสิ่งแวดล้อม และนักวิจัย 23 คน ได้เรียกร้องให้ทางการดำเนินการทบทวนและประเมินแผนดังกล่าวอย่างเป็นอิสระ
“โครงการดังกล่าวก่อให้เกิดภัยคุกคามร้ายแรงต่อป่าชายเลนเกิ่นเส่อ ทำให้ป่าไม่สามารถทำหน้าที่เป็นป่าปกป้องได้ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อเขตเมืองที่อยู่ใกล้เคียง” คำร้องระบุ
ผู้ลงนาม ที่รวมถึง GreenID หนึ่งในองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของเวียดนาม ยังระบุว่าการดำเนินโครงการถมที่ดินขนาดมหึมาในเกิ่นเส่อนั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่งในบริบทของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กำลังเลวร้ายลง โดยก่อให้เกิดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการกัดเซาะ น้ำท่วม และน้ำขัง
ประชาชนมากกว่า 6,200 คน ร่วมลงนามในคำร้องดังกล่าว
วินกรุ๊ปกล่าวกับเอเอฟพีว่า รายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้รับการตรวจสอบและอนุมัติโดยคณะกรรมการที่ประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง โดยปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างครบถ้วน
วินกรุ๊ป ที่เป็นกลุ่มบริษัทแม่ของวินฟาสต์ (VinFast) ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq มีอำนาจมหาศาลในเวียดนาม และมีผลประโยชน์ทางธรุกิจครอบคลุมทุกอย่างตั้งแต่การดูแลสุขภาพไปจนถึงอสังหาริมทรัพย์ และการศึกษาไปจนถึงเทคโนโลยี.