MGR ออนไลน์ - พลเรือนเกือบ 30,000 คนในภูมิภาคสะกายและภูมิภาคมะเกว ทางตอนกลางของพม่า ต้องอพยพหลบหนีออกจากบ้านเรือนของตนเองในเดือน ก.พ. ตามการเปิดเผยของชาวบ้านและเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ เนื่องจากการสู้รบระหว่างทหารและกลุ่มติดอาวุธลุกลามเข้าสู่พื้นที่ใจกลางประเทศมากขึ้น
จนถึงขณะนี้ กองกำลังพิทักษ์ประชาชนหลายกลุ่มและกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ส่วนใหญ่กำลังต่อสู้กับกำลังทหารของรัฐบาลในพื้นที่ชายแดนห่างไกลของประเทศ
แต่กองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่ได้กำลังใจจากความสำเร็จในพื้นที่รอบนอกของประเทศ กำลังเคลื่อนพลออกนอกอาณาเขตเดิมของตน และทำให้รัฐบาลทหารสูญเสียพื้นที่ควบคุมในเขตอิทธิพลของตนเองมากขึ้น ขณะที่สงครามกลางเมืองเข้า 4 ปีเต็ม
กลุ่มชาติพันธุ์พม่าที่เป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศติดอยู่ท่ามกลางการสู้รบมากขึ้น โดยเกือบ 30,000 คน ต้องอพยพหลบหนีออกจากบ้านของตนเองใน 3 เมืองของภูมิภาคสะกายและมะเกวในเดือนนี้
กองทัพตอบโต้การโจมตีของกลุ่มติดอาวุธด้วยการโจมตีทางอากาศและปืนใหญ่ ตามการระบุของแหล่งข่าวในพื้นที่
เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์รายหนึ่งระบุว่า ในเมืองกะเว ของภูมิภาคสะกาย ที่อยู่ติดกับรัฐชิน ผู้คนประมาณ 25,000 คน ต้องไร้ที่อยู่อาศัยหลังหลบหนีการโจมตีของรัฐบาลทหาร
“ชาวบ้านกำลังหลบภัยอยู่ในพื้นที่ที่ถือว่าปลอดภัยจากการโจมตีทางอากาศและการโจมตีด้วยอาวุธหนักของรัฐบาลทหาร หมู่บ้านอย่างน้อย 15 แห่ง ยังไม่ปลอดภัยที่จะกลับเข้าไป และชาวบ้านยังคงต้องอาศัยในสถานที่ที่ปลอดภัยกว่า คาดว่ามีผู้พลัดถิ่นอยู่ประมาณ 25,000 คน” เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ กล่าว
ผู้พลัดถิ่นรายหนึ่งกล่าวว่า บางคนมีอาการท้องร่วงและโรคผิวหนัง และต้องการอาหารและยาอย่างเร่งด่วน
“จำนวนผู้พลัดถิ่นที่เพิ่มขึ้นทำให้ความต้องการอาหาร น้ำ และยาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รัฐบาลทหารโจมตีทางอากาศทั้งวันทั้งคืน พร้อมกับการโจมตีด้วยปืนใหญ่” ผู้พลัดถิ่นระบุ
สหประชาชาติประเมินว่ามีผู้คนเกือบ 20 ล้านคนต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมทั่วพม่า หรือราว 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมด 55 ล้านคน และมี 3.5 ล้านคนเป็นผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ ที่กำลังดิ้นรนเพื่อเข้าถึงอาหาร ที่พักพิง และความช่วยเหลือทางการแพทย์
ในขณะเดียวกัน ชาวบ้านอย่างน้อย 2,000 คน ได้หลบหนีออกจากหมู่บ้านหลายแห่งในเมืองกานกอ ของภูมิภาคมะเกว ที่อยู่ติดภูมิภาคสะกาย ท่ามกลางการระดมทิ้งระเบิดของรัฐบาลทหาร เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์อีกรายหนึ่ง กล่าว และว่ามีพลเรือนอย่างน้อย 1 คน เสียชีวิตจากการโจมตีหมู่บ้านตองขิ่นยาน ในกานกอ เมื่อไม่นานนี้
“เมื่อข่าวที่ว่าอาจจะมีการทิ้งระเบิดเกิดขึ้นแพร่สะพัดออกไป ชาวบ้านเกือบทั้งหมดได้อพยพไปพื้นที่ใกล้เคียงที่พวกเขาคิดว่าปลอดภัยกว่า” เจ้าหน้าที่ระบุ
ส่วนหมู่บ้านตองกานยาน ที่มีบ้านราว 1,000 หลัง ผู้คนต่างอพยพออกไปเป็นจำนวนมากนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ รวมทั้งหมู่บ้านใกล้เคียงอีก 2 แห่ง
“คาดว่าจำนวนผู้พลัดถิ่นจะอยู่ที่หลายพันคน” เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ ระบุ และเสริมว่าหลายคนต้องรับมือกับปัญหาสุขภาพเนื่องจากขาดแคลนน้ำสะอาด
เมืองงาเป ภูมิภาคมะเกว ที่ตั้งอยู่ใกล้กับพื้นที่ที่กองทัพอาระกัน (AA) กำลังรุกคืบเข้าโจมตีกองทัพในรัฐยะไข่ เครื่องบินรบของรัฐบาลทหารได้ทิ้งระเบิดใส่หมู่บ้านลินเทล ทำให้พลเรือนเสียชีวิต 2 คน และได้รับบาดเจ็บ 10 คน
ชายคนหนึ่งที่อาสาให้ความช่วยเหลือผู้พลัดถิ่นในพื้นที่กล่าวว่าชาวบ้านประมาณ 2,000 คน ได้หลบหนีออกจากหมู่บ้านที่ตั้งตามถนนที่เชื่อมเมืองแอนและเมืองปาดัน
“ชาวบ้าน โดยเฉพาะจากหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ติดถนนสายหลักได้หลบหนีไปที่เมืองปาดัน ขณะที่คนอื่นๆ กำลังหาที่หลบภัยในพื้นที่ใกล้เคียง พวกเขากังวลเรื่องการโจมตีด้วยปืนใหญ่มากกว่าการบุกเข้าโจมตีโดยตรง เนื่องจากหมู่บ้านของพวกเขาตั้งอยู่ในพื้นที่ขัดแย้ง”
ชาวเมืองในพื้นที่กล่าวกับสำนักข่าววิทยุเอเชียเสรีว่ากองทัพอาระกันโจมตีหน่วยป้องกันทางอากาศของรัฐบาลทหารในหมู่บ้านนัตยีกาน ของเมืองาเป และการสู้รบเกิดขึ้นบ่อยครั้งตลอดถนนสายแอน-ปาดัน.