รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรีฝ่าม มีง จีง ของเวียดนาม กล่าวว่ารัฐบาลต้องการออกใบอนุญาตให้ Starlink ของอีลอน มัสก์ อย่างรวดเร็วเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในประเทศภายใต้โครงการนำร่อง
ผู้นำเวียดนามกล่าวกับธุรกิจของสหรัฐฯ เกือบ 40 แห่งในกรุงฮานอยว่า เวียดนามกำลังดำเนินมาตรการเพื่อปรับสมดุลของดุลการค้าที่เกินดุลกับสหรัฐฯ โดยอ้างถึงการนำเข้าเครื่องบิน อาวุธ ก๊าซธรรมชาติเหลว สินค้าเกษตร และผลิตภัณฑ์ยา
ฮานอยกำลังพยายามหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ สำหรับสินค้าส่งออก ที่ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุลเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้เสี่ยงต่อการถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
“นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีออกใบอนุญาตให้บริษัทให้บริการอินเทอร์เน็ต Starlink ในช่วงทดลองโดยเร็ว” รัฐบาลระบุในเว็บไซต์ ที่รายงานการหารือของผู้นำเวียดนามกับธุรกิจสหรัฐฯ
ในเดือน ก.พ. รัฐสภาเวียดนามได้อนุมัติโครงการชั่วคราวเพื่อให้บริษัทอินเทอร์เน็ตดาวเทียมสามารถให้บริการในเวียดนามได้ ขณะที่ยังคงควบคุมบริษัทลูกในประเทศได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นที่มัสก์กำหนดไว้
นั่นแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันในจุดยืนของเวียดนามเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม เนื่องจากเวียดนามยังคงจำกัดการควบคุมจากต่างประเทศอย่างเข้มงวดในหลายภาคส่วนทางเศรษฐกิจที่เป็นถือว่ามีความอ่อนไหว
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่เข้าร่วมการประชุมเมื่อวันเสาร์ (1) กล่าวว่าการหารือครั้งนี้น่าจะสามารถแก้ไขปัญหาที่ค้างอยู่บางส่วนได้สำหรับบริษัทสหรัฐฯ ในเวียดนาม
นักลงทุนหลายคนกล่าวกับรอยเตอร์ว่า ผู้นำเวียดนามกำลังวางแผนที่จะประชุมแยกกับธุรกิจต่างชาติอื่นๆ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ในความพยายามที่จะบรรเทาความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นจากความตึงเครียดทางการค้าโลก และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศที่พึ่งพาการส่งออก
ในบรรดามาตรการที่เป็นไปได้ที่สามารถช่วยลดการเกินดุลการค้าของเวียดนามกับสหรัฐฯ คือการซื้อเครื่องบินโบอิ้งจำนวนมหาศาลของสายการบินเวียดนาม รัฐบาลระบุ
รัฐบาลเวียดนามอ้างถึงข้อตกลงที่สายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ส บรรลุกับบริษัทโบอิ้งในปี 2566 ระหว่างการเยือนกรุงฮานอยของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในการจัดซื้อเครื่องบินรุ่น 737Max จำนวน 50 ลำ
เมื่อวันเสาร์ รัฐบาลเวียดนามรายงานว่าข้อตกลงดังกล่าวมีมูลค่า 11,000 ล้านดอลลาร์ โดยไม่ได้ชี้แจงว่าข้อตกลงดังกล่าวรวมถึงเครื่องยนต์และชิ้นส่วนอื่นๆ ที่ตามปกติแล้วต้องซื้อแยกหรือไม่ ด้านทำเนียบขาวระบุในปี 2566 ว่ามูลค่าอยู่ที่ 7,800 ล้านดอลลาร์
สายการบินเวียดนามแอร์ไลน์สไม่ได้ตอบกลับทันทีต่อคำร้องขอความเห็นจากรอยเตอร์
รัฐบาลกล่าวว่าเวียดนามกำลังหารือเกี่ยวกับราคาเครื่องบินที่อาจลดลงได้กับโบอิ้ง และยังกล่าวถึงข้อตกลงของสายการบินเวียดเจ็ทที่ตกลงซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 737Max จำนวน 200 ลำ
ข้อตกลงดังกล่าวลงนามครั้งแรกในปี 2559 และมีการแก้ไขในภายหลัง แต่ยังไม่มีการส่งมอบเครื่องบินแต่อย่างใด แม้บริษัทจะระบุว่าคาดว่าจะได้รับเครื่องบินลำแรกในปีที่แล้วก็ตาม
ทั้งรัฐบาลและเจ้าหน้าที่เวียดนามได้อ้างถึงมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ มาเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว แต่ยังไม่มีการประกาศข้อตกลงสำคัญใดๆ
รัฐบาลกล่าวว่าอาจนำเข้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากสหรัฐฯ มากขึ้น และเจ้าหน้าที่ได้แสดงความสนใจในการซื้อก๊าซธรรมชาติเหลวจากสหรัฐฯ สำหรับอุตสาหกรรม LNG ที่เพิ่งเริ่มต้นของประเทศ นอกจากนี้ ข้อตกลงทางทหารยังเป็นประเด็นในการหารือบ่อยครั้ง รวมถึงการจัดซื้อเครื่องบินขนส่งทางทหาร C-130 Hercules จากบริษัท Lockheed Martin.