เอเอฟพี - ศาลเวียดนามตัดสินจำคุกนักข่าวอิสระชื่อดังเป็นเวลา 30 เดือน จากการโพสต์เฟซบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล สื่อของรัฐรายงาน
ฮวี ดึ๊ก ทำงานให้หนังสือพิมพ์ของรัฐที่มีชื่อเสียงหลายฉบับก่อนที่จะหันมาเขียนบทความลงบล็อกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดบล็อกหนึ่งของเวียดนาม และบัญชีเฟซบุ๊กที่เขาวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำคอมมิวนิสต์ของประเทศในประเด็นต่างๆ เช่น การคอร์รัปชัน การควบคุมสื่อ และความสัมพันธ์กับจีน
สำนักข่าวเวียดนามรายงานว่า ศาลในกรุงฮานอยตัดสินให้ชายวัย 63 ปี มีความผิดฐานละเมิดเสรีภาพประชาธิปไตยเพื่อละเมิดผลประโยชน์ของรัฐผ่านการโพสต์บทความ 13 บทความบนเฟซบุ๊ก
ฮวี ดึ๊ก กล่าวว่าเขาไม่ได้ตั้งใจต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์หรือรัฐบาล แต่ยอมรับว่าเนื้อหาบางส่วนละเมิดผลประโยชน์ของพรรค ซึ่งเขารับผิดชอบและรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
การพิจารณาคดีใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
“บทความเหล่านี้มีการตอบโต้ แสดงความเห็น และแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มีผลกระทบเชิงลบต่อความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของสังคม” สื่อของรัฐรายงานคำฟ้อง
ไม่นานก่อนที่นักข่าวรายนี้จะถูกจับกุมตัวในเดือน มิ.ย. ฮวี ดึ๊ก ที่เป็นนามปากกาของนักข่าว ได้โจมตี โต เลิม ผู้นำที่ทรงอิทธิพลที่สุดของประเทศทางออนไลน์ รวมถึงอดีตผู้นำเหวียน ฝู จ่อง
ไม่ชัดเจนว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวเกี่ยวข้องกับโพสต์เหล่านั้นหรือไม่
เวียดนามไม่มีสื่อเสรีในประเทศ และดำเนินการปราบปรามผู้เห็นต่างอย่างรุนแรง โดยเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่คุมขังนักข่าวมากที่สุดในโลก ตามข้อมูลขององค์กรนักข่าวไร้พรมแดน
การพิจารณาคดีในกรุงฮานอยเกิดขึ้นเพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่บล็อกเกอร์ เซวือง วัน ท้าย ที่มีผู้ติดตามเกือบ 120,000 คนบนยูทูป ที่เขามักถ่ายทอดสดวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 12 ปี ในข้อหาเผยแพร่ข้อมูลต่อต้านรัฐ
ในเดือน ม.ค. อดีตทนายความชื่อดังถูกตัดสินจำคุก 3 ปี จากการโพสต์เฟซบุ๊ก
ฮวี ดึ๊ก ที่มีชื่อจริงว่าเจื่อง ฮวี ซาน เป็นอดีตนายทหารในกองทัพ
เขาถูกไล่ออกจากสำนักข่าวของรัฐในปี 2552 เนื่องจากวิจารณ์การกระทำในอดีตของสหภาพโซเวียต อดีตพันธมิตรคอมมิวนิสต์ของเวียดนาม
ฮวี ดึ๊ก ใช้เวลาหนึ่งปีที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดด้วยทุน Nieman Fellowship ในปี 2555 ระหว่างที่เขาอยู่ต่างประเทศ บันทึกเรื่องราวชีวิตในเวียดนามของเขาหลังจากสิ้นสุดสงครามกับสหรัฐฯ ‘The Winning Side’ ได้รับการตีพิมพ์
องค์กรนักข่าวไร้พรมแดนกล่าวก่อนหน้านี้ว่าบทความของเขาเป็นแหล่งข้อมูลล้ำค่าที่ช่วยให้ชาวเวียดนามเข้าถึงข้อมูลที่ถูกเซ็นเซอร์โดยระบอบการปกครองของฮานอย
นักรณรงค์สิทธิมนุษยชนกล่าวว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลเพิ่มการปราบปรามภาคประชาสังคม
“ไม่มีประเทศใดสามารถพัฒนาอย่างยั่งยืนได้โดยอาศัยความกลัว” ฮวี ดึ๊ก เขียนลงในเฟซบุ๊กในเดือน พ.ค. หนึ่งเดือนก่อนที่เขาจะถูกจับกุม
ในเดือน ธ.ค. เวียดนามออกกฎใหม่ที่กำหนดให้เฟซบุ๊กและติ๊กต็อกต้องตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้และส่งมอบข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และยังกำหนดให้บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีทุกรายที่ดำเนินการในประเทศต้องตรวจสอบบัญชีผู้ใช้ด้วยหมายเลขโทรศัพท์หรือเลขบัตรประชาชน และจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวร่วมกับชื่อนามสกุลและวันเกิดของผู้ใช้.