xs
xsm
sm
md
lg

อินเดียเร่งเพิ่มบทบาทในพม่า เดินหน้าโครงสร้างพื้นฐานเชื่อม 2 ประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


Shri Abhay Thakur เอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำพม่า เดินทางไปเมืองมิตจีนา เมืองหลวงของรัฐคะฉิ่น เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 และได้เข้าหารือกับ อู แคตเถ่งหน่าน มุขมนตรีรัฐคะฉิ่น
MGR Online - อินเดียเร่งเพิ่มบทบาททางเศรษฐกิจในพม่า เร่งผลักดันโครงการคมนาคม-ขนส่งขนาดใหญ่ ที่เคยเซ็นความร่วมมือกันไว้ตั้งแต่ก่อนรัฐประหารให้เดินหน้า หวังใช้พม่าเป็นสะพานเชื่อมต่อประเทศในกลุ่มอาเซียน

เพจ India in Myanmar รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 Shri Abhay Thakur เอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำพม่า ได้เดินทางไปเมืองมิตจีนา เมืองหลวงของรัฐคะฉิ่น และได้เข้าหารือกับ อู แคตเถ่งหน่าน มุขมนตรีรัฐคะฉิ่น เกี่ยวกับแผนเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างอินเดียกับรัฐคะฉิ่น รัฐทางภาคเหนือของพม่าที่มีชายแดนติดกับรัฐอรุณาจัลประเทศ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย

นอกจากการหารือกับ อู แคตเถ่งหน่าน มุขมนตรีที่ได้รับการแต่งตั้งจากสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) พม่าแล้ว เอกอัครราชทูตอินเดีย ยังได้จัดประชุมร่วมกับนักธุรกิจ ผู้ประกอบการ และเจ้าของกิจการท้องถิ่นของรัฐคะฉิ่น รวมถึงเดินทางไปเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยมิตจีนา อีกด้วย

การเดินทางไปยังรัฐคะฉิ่นของเอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำพม่า เป็นอีกหนึ่งความคืบหน้าของแผนเชื่อมโยงเศรษฐกิจอินเดียกับพม่าผ่านรัฐคะฉิ่นและสะกาย หลังจากก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา อู แคตเถ่งหน่าน มุขมนตรีรัฐคะฉิ่น เพิ่งเดินทางไปดูความคืบหน้าการก่อสร้างสะพานบะละมินถิ่น 2 ข้ามแม่น้ำอิรวดี ในเมืองมิตจีนา ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญของเส้นทางการค้า 3 ประเทศ จากชายแดนพม่า-จีน ไปชายแดนพม่า-อินเดีย


สะพานบะละมินถิ่น 2 ถูกสร้างคู่ขนานกับสะพานบะละมินถิ่นแห่งที่ 1 ซึ่งถูกใช้งานมานานกว่า 25 ปี สะพานบะละมินถิ่น 2 เริ่มต้นก่อสร้างเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2564 ในเขตซีตาปู่ ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำอิรวดี ทางตอนเหนือของตัวเมืองมิตจีนา ตัวสะพานยาว 979 เมตร หรือ 3,212 ฟุต โครงสร้างคานสะพานเป็นกล่องคอนกรีต (Box Girder) ปูพื้นด้านบนด้วยแผ่นคอนกรีตเสริมเหล็ก (RCC Slab) ส่วนถนนกว้าง 27 ฟุต หรือ 8 เมตร สามารถรองรับน้ำหนักรถบรรทุกได้มากกว่า 75 ตัน ตามแผนการของกระทรวงก่อสร้างพม่า สะพานบะละมินถิ่น 2 จะสร้างเสร็จในปี 2569

สะพานแห่งนี้เป็นจุดเชื่อมเส้นทางจากด่านการค้ากันไปก์ตี่ ชายแดนพม่า-จีน ที่อยู่ตรงข้ามกับอำเภอเถิงซง เมืองเป่าซาน มณฑลยูนนาน มายังเมืองมิตจีนา หลังจากข้ามแม่น้ำอิรวดีแล้ว เส้นทางสายนี้จะพาดผ่านเมืองน้ำตี ขึ้นไปยังเมืองตะนาย เข้าเขตภาคสะกาย ก่อนต่อขึ้นไปถึงเมืองปันส่อง ชายแดนภาคสะกาย ติดกับช่องเขาพังซอ ที่เป็นส่วนยอดของเทือกเขาปาดไก่ ก่อนลงไปยังเมืองน้ำปง รัฐอรุณาจัลประเทศ ของอินเดีย (ดูแผนที่ประกอบ)

เชิงสะพานบะละมินถิ่น 2 ฝั่งตะวันตก ยังเชื่อมกับทางหลวงมัณฑะเลย์-ล่าเสี้ยว-บะโม-มิตจีนา ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าสายหลักภายในประเทศ จากรัฐคะฉิ่น ลงไปยังภาคมัณฑะเลย์ กรุงเนปีดอ และกรุงย่างกุ้ง

ตั้งแต่ต้นปี 2568 เป็นต้นมา อินเดียได้เดินหน้ากระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับพม่า ด้วยการผลักดันโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ในรัฐคะฉิ่น รัฐยะไข่ และภาคสะกาย ที่เคยลงนามความร่วมมือกันไว้ตั้งแต่ก่อนการรัฐประหารในพม่า

วันที่ 16-17 มกราคม 2568 Shri Abhay Thakur เอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำพม่า ได้เดินทางไปเมืองซิตต่วย เมืองหลวงของรัฐยะไข่ เพื่อดูการปฏิบัติงานของท่าเรือขนส่งสินค้าซิตต่วย บริเวณปากแม่น้ำคาลาดาน ที่รัฐบาลอินเดียได้สร้างไว้ด้วยงบประมาณ 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากเอกสารแถลงข่าวที่เผยแพร่โดยสถานเอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำพม่า คณะของเอกอัครราชทูตอินเดีย ประกอบด้วย Shri Sunil Mukundan กรรมการผู้จัดการ บริษัท India Ports Global จำกัด (IPGL) เจ้าหน้าที่จากสถานทูตอินเดียในกรุงย่างกุ้ง และจากสถานกงสุลอินเดีย ประจำเมืองซิตต่วย

ท่าเรือขนส่งสินค้าซิตต่วย เป็น 1 ใน 3 ส่วนหลักของโครงการขนส่งหลายรูปแบบคาลาดาน (Kaladan Multi-Modal Transit Transport Project : KMTT) มูลค่ารวม 484 ล้านดอลลาร์ ที่รัฐบาลอินเดียและพม่าได้ลงนามความร่วมมือกันไว้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2551 แบ่งรายละเอียดเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย

1.เชื่อมการขนส่งทางน้ำระหว่างท่าเรือขนส่งสินค้าซิตต่วย รัฐยะไข่ กับท่าเรือกัลกัตตาของอินเดีย ระยะทาง 420 ไมล์ทะเล

2.เชื่อมการขนส่งในภาคพื้นทวีปผ่านแม่น้ำคาลาดาน จากท่าเรือขนส่งสินค้าซิตต่วยขึ้นไปยังเมืองปะแลตวะ ทางตอนใต้ของรัฐชิน ระยะทาง 160 กิโลเมตร

3.สร้างทางหลวงเชื่อมจากเมืองปะแลตวะ รัฐชิน ข้ามชายแดนไปสู่เมือง Aizawl ในรัฐมิโซรัม ของอินเดีย ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร

ท่าเรือขนส่งสินค้าซิตต่วยสร้างเสร็จและเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน ท่าเรือแห่งนี้สามารถรองรับเรือพาณิชย์ได้แล้วมากกว่า 150 ลำ ที่เข้ามาใช้ท่าเรือเป็นช่องทางขนส่งสินค้าหลากหลายประเภท เช่น อาหาร ผลผลิตการเกษตร สินค้าโภคภัณฑ์ เวชภัณฑ์ วัสดุก่อสร้าง ยานยนต์ เครื่องจักร รวมถึงน้ำมัน ระหว่างพม่าและอินเดีย


เอกอัครราชทูตอินเดียยังได้พบกับ อู เถ่งลิน มุขมนตรีรัฐยะไข่ เพื่อหารือความร่วมมือด้านต่างๆ ระหว่างรัฐยะไข่กับอินเดีย โดยทั้ง 2 ฝ่าย ต่างเห็นพ้องในการผลักดันบทบาทของท่าเรือขนส่งสินค้าซิตต่วยให้เป็นจุดเชื่อมต่อกับพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านเศรษฐกิจให้ภูมิภาค และจะสามารถสร้างผลประโยชน์ได้อย่างเต็มศักยภาพ เมื่อสถานการณ์ทั่วรัฐยะไข่กลับคืนสู่ความสงบ

ก่อนหน้านั้น 1 สัปดาห์ ในวันที่ 10 มกราคม สถานเอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำพม่า ร่วมกับหอการค้าอินเดีย-พม่า (India-Myanmar Chamber of Commerce : IMCC) ได้จัดการประชุมใหญ่นักธุรกิจอินเดียและพม่า ประจำปี 2568 ขึ้น ที่โรงแรมแพนแปซิฟิค ในกรุงย่างกุ้ง มีผู้เข้าร่วมประชุมมากกว่า 300 คน

ตัวแทนจากรัฐบาลพม่าที่เข้าประชุม ได้แก่ อู มินมิน รองรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ และตัวแทนจากกระทรวงวางแผนและการคลัง กระทรวงเกษตร ปศุสัตว์ และการชลประทาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและโรงแรม รวมถึงตัวแทนจากธนาคารกลางพม่า (CBM) ส่วนตัวแทนรัฐบาลอินเดีย ได้แก่ Shri Siddharth Mahajan เลขานุการร่วม กระทรวงพาณิชย์

ส่วนภาคเอกชน ประกอบด้วย ประธานหอการค้าอินเดีย-พม่า รองประธานสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมพม่า (UMFCCI) ผู้บริหารสมาคมการค้าผลผลิตการเกษตรโพ้นทะเล สมาคมพ่อค้าพืชไร่พม่า รวมถึงผู้บริหารองค์กรธุรกิจของอินเดียและพม่าจากหลากหลายสาขา เช่น ธนาคารพาณิชย์

เอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำพม่า ร่วมประชุมกับนักธุรกิจและผู้ประกอบการในรัฐคะฉิ่น
ตามข้อมูลจากเอกสารแถลงข่าวที่ถูกเผยแพร่โดยสถานทูตอินเดียประจำพม่า การประชุมครั้งนี้มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาและส่งเสริมความสัมพันธ์-ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า ระหว่างอินเดียกับพม่า เป็นเวทีที่ช่วยให้ภาคธุรกิจของอินเดีย สามารถวางแผนและกำหนดนโยบายองค์กรของตนเกี่ยวกับเมียนมา

หัวข้อสำคัญที่มีการพูดคุยกันในที่ประชุม มุ่งเน้นไปยังกลไกที่จะช่วยยกระดับความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ และเพิ่มปริมาณการค้าของ 2 ประเทศ ได้แก่ การสร้างแรงจูงใจในการชำระเงินค่าสินค้า-บริการโดยตรงด้วยสกุลเงินท้องถิ่น "รูปี-จั๊ต" การพิจารณาข้อสรุปล่าสุดของข้อตกลงเรื่องการขนส่งชายฝั่ง ข้อตกลงความร่วมมือด้านปิโตรเลียม ไฟฟ้า และพลังงาน และข้อตกลงความร่วมมือเพื่อสร้างกลไกชำระเงินระหว่างอินเดียและพม่าผ่านระบบดิจิทัล เช่น RuPay card ระบบชำระเงินแบบเรียลไทม์สำหรับแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ (Unified Payments Interface : UPI)

ที่สำคัญ มีการหารือความคืบหน้าของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการขนส่งหลายรูปแบบคาลาดาน และโครงการทางด่วน 3 ประเทศ ไทย-พม่า-อินเดีย

เส้นทางการค้า 3 ประเทศ จากชายแดนพม่า-จีน ผ่านรัฐคะฉิ่น ไปยังชายแดนพม่า-อินเดีย ในภาคสะกาย
โครงการทางด่วน 3 ประเทศ มีจุดเริ่มต้นจากอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ของไทย ข้ามไปยังเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ตามทางหลวงเอเชียหมายเลข 1(AH 1) สู่เมืองเมาะละแหม่ง รัฐมอญ ผ่านภาคพะโค กรุงเนปิดอ ภาคมัณฑะเลย์ ข้ามชายแดนฝั่งตะวันตกของพม่าที่ช่องทางตะมู-โมเรห์ ในภาคสะกาย เพื่อเข้าสู่เมืองโมเรห์ รัฐมณีปุระ ของอินเดีย

เกือบ 2 ปีที่แล้ว เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2566 ดร.สุพรหมยัม ชัยศังกร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย ได้มาเป็นประธานร่วมการประชุมกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-คงคา (MGC) ที่กรุงเทพฯ ผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยในขณะนั้น อู ตานส่วย รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศพม่า และ สะเหลิมไซ กมมะสิด รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ สปป.ลาว

หนึ่งในข้อสำคัญของการประชุมครั้งนี้ คือเร่งรัดโครงการทางด่วน 3 ประเทศ และเร่งหาบทสรุปข้อตกลงยานยนต์ 3 ประเทศ

รัฐบาลอินเดีย พม่า และไทย มีข้อตกลงร่วมกันตั้งแต่เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ที่จะสร้างทางด่วนเชื่อมชายแดนไทยผ่านพม่าไปยังอินเดีย เริ่มจากในปี 2563 รัฐบาลอินเดียสนับสนุนงบประมาณเพื่อสร้างและซ่อมแซมสะพานในพม่าจำนวน 73 แห่ง ที่ถูกสร้างไว้ตั้งแต่ยุคอาณานิคม

อย่างไรก็ตาม หลังเกิดการรัฐประหารในพม่า รวมถึงการที่กองกำลังติดอาวุธของรัฐบาลเงา (PDF) จับมือกับทหารกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) บางกลุ่ม ปิดทางหลวง AH 1 ช่วงจากบ้านปางกาน (ติงกานหญี่หน่อง) ไปยังเมืองกอกะเร็ก ในรัฐกะเหรี่ยง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 ทำให้การก่อสร้างทางด่วน 3 ประเทศ ต้องหยุดชะงักลงไปโดยสิ้นเชิง.

การประชุมใหญ่นักธุรกิจอินเดียและพม่า ประจำปี 2568 ที่โรงแรมแพนแปซิฟิค ในกรุงย่างกุ้ง เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568




กำลังโหลดความคิดเห็น