รอยเตอร์ - กระทรวงการต่างประเทศของจีนระบุวันนี้ (19) ว่า จีนคัดค้านการก่อสร้างของเวียดนามบนเกาะเล็กๆ ที่เป็นข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ ที่รู้จักในชื่อแนวปะการังบาร์คแคนาดา (Barque Canada Reef)
แนวปะการังในหมู่เกาะสแปรตลีย์ที่เวียดนามยึดครองมาตั้งแต่ทศวรรษ 1980 ถูกอ้างสิทธิโดยหลายประเทศ ในข้อพิพาทที่ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อจีนและสหรัฐฯ แข่งขันกันมีอิทธิพลเหนือประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์
แนวปะการังดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนของจีน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวในการแถลงข่าวประจำวัน และเสริมว่า จีนคัดค้านการยึดครองเกาะและแนวปะการังอย่างผิดกฎหมายมาโดยตลอด
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศของเวียดนามไม่ได้ตอบกลับคำร้องของรอยเตอร์เพื่อขอความคิดเห็นในเรื่องนี้
จีนอ้างสิทธิเหนือพื้นที่เกือบทั้งหมดในทะเลจีนใต้ แม้จะมีการอ้างสิทธิทับซ้อนกันในเส้นทางน้ำที่พลุกพล่านแห่งนี้จากบรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม
การถมทะเลของเวียดนามได้ทำให้แนวปะการังขยายตัวขึ้น 10 เท่า ตั้งแต่ปี 2565 ตามการศึกษาของมหาวิทยาลัยมหาสมุทรกวางตุ้ง และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติของจีน ที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร Journal of Tropical Oceanography
การศึกษาดังกล่าวระบุเพิ่มเติมว่าเวียดนามได้ขุดลอกร่องน้ำกว้าง 299 เมตรที่แนวปะการัง ซึ่งเพียงพอสำหรับการจอดเรือขนาดใหญ่ เช่นเรือรบ
เมื่อปีที่ผ่านมา จีนปฏิเสธคำกล่าวอ้างของเวียดนามเกี่ยวกับสิทธิอธิปไตยเหนือหมู่เกาะพาราเซลและหมู่เกาะสแปรตลีย์ โดยระบุว่าการอ้างสิทธิของจีนเหนือหมู่เกาะทั้งสองนั้นมีประวัติศาสตร์รองรับ
ก่อนหน้านี้ เวียดนามได้อ้างถึงพื้นฐานทางกฎหมายและหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมายสำหรับการอ้างสิทธิเหนือแนวปะการังเช่นกัน
เพื่อนบ้านทั้งสองที่มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจใกล้ชิดกัน ได้เห็นพ้องกันที่จะยกระดับความร่วมมือในด้านความมั่นคง เพื่อมุ่งสู่การสร้างชุมชนที่มีอนาคตร่วมกันในระหว่างการเยือนกรุงฮานอยเมื่อเดือน ธ.ค.2567 ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
ในปี 2559 ศาลอนุญาโตตุลาการถาวรในกรุงเฮก ตัดสินว่าการอ้างสิทธิของจีนเหนือทะเลจีนใต้ไม่ได้รับการสนับสนุนโดยกฎหมายระหว่างประเทศ คำตัดสินที่ปักกิ่งปฏิเสธ
“จีนจะพยายามสรุปแนวทางปฏิบัติในทะเลจีนใต้โดยเร็ว และร่วมกันปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนตอบคำถามเกี่ยวกับข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ โดยอ้างถึงกรอบการทำงานที่สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) กำลังพยายามจัดทำให้เสร็จ.