รอยเตอร์ - เวียดนามพร้อมที่จะนำเข้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากสหรัฐฯ มากขึ้น ตามคำแถลงของเหวียน ฮง เดียน รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์วันนี้ (14) หนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวว่าเขาจะเริ่มกำหนดภาษีศุลกากรตอบโต้ทั่วโลก
ศูนย์กลางการส่งออกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เป็นที่ตั้งของโรงงานการผลิตของบริษัทข้ามชาติ เช่น Apple และ Samsung อาจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาษีศุลกากรใหม่ใดๆ ก็ตาม โดยเมื่อปีที่ผ่านมา เวียดนามมีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ มากเป็นประวัติการณ์ที่ 123,500 ล้านดอลลาร์ เป็นรองเพียงแค่จีน สหภาพยุโรป และเม็กซิโก
“เวียดนามพร้อมที่จะเปิดตลาดและเพิ่มการนำเข้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากสหรัฐฯ” เดียน กล่าวกับเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำเวียดนาม มาร์ค แนปเปอร์ ที่การประชุมในสัปดาห์นี้
จากข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า การส่งออกของสหรัฐฯ ไปยังเวียดนามเมื่อปีที่ผ่านมานั้น มากกว่า 1 ใน 4 เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร โดยส่วนใหญ่เป็นฝ้าย ถั่วเหลือง และถั่วเปลือกแข็ง คิดเป็นมูลค่ารวม 3,400 ล้านดอลลาร์
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวที่ให้สัมภาษณ์นักข่าวเมื่อวันพฤหัสฯ ก่อนที่ทรัมป์จะสั่งให้ทีมของเขาวางแผนเกี่ยวกับภาษีศุลกากรตอบโต้ กล่าว่าฝ่ายบริหารจะศึกษาประเทศที่มีดุลการค้าเกินดุลมากที่สุดและมีภาษีศุลกากรสูงที่สุดก่อน
เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ที่มีช่องว่างทางภาษีมากที่สุด โดยเรียกเก็บภาษีนำเข้าสูงกว่าที่สหรัฐฯ กำหนด
เวียดนามกำหนดภาษีนำเข้าโดยเฉลี่ยที่ 9.4% ตามข้อมูลขององค์การการค้าโลก
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลของประเทศที่พึ่งพาการส่งออก และที่มีตลาดใหญ่ที่สุดคือสหรัฐฯ ได้จัดตั้งกลุ่มทำงานเพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากความตึงเครียดทางการค้า
ทรัมป์ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเวียดนามเป็นเป้าหมายทางการค้า แต่สหรัฐฯ ได้กำหนดภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม 25% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม การส่งออกเหล็กของเวียดนามไปยังสหรัฐฯ หลายรายการถูกกำหนดภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม 25% อยู่แล้ว ที่ทำให้เวียดนามได้รับผลกระทบไม่หนักมากเท่าผู้ส่งออกรายอื่นๆ เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมรายหนึ่งกล่าว
ผู้แทนการค้าเวียดนามในสหรัฐฯ กล่าวกับสื่อเวียดนามว่า ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้กำหนดภาษีนำเข้าอะลูมิเนียมของเวียดนามไว้ที่ 10%
เพื่อลดการเกินดุลการค้า เจ้าหน้าที่เวียดนามได้หารือกับรัฐบาลทรัมป์เกี่ยวกับการซื้อก๊าซธรรมชาติเหลวจากสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่หลายคนระบุ
สายการบินเวียดเจ็ท (VietJet) ของเวียดนามยังตกลงที่จะซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 737MAX จำนวน 200 ลำ ในข้อตกลงมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ที่ลงนามครั้งแรกในปี 2559 และมีการแก้ไขในภายหลัง ทั้งนี้ ยังไม่มีการส่งมอบเครื่องบิน แม้บริษัทคาดว่าจะได้รับเครื่องบินลำแรกในปีที่แล้วก็ตาม
นอกจากนี้ เวียดนามยังอยู่ระหว่างการหารือเพื่อจัดซื้อเครื่องบินขนส่งทางทหาร C-130 Hercules ของบริษัท Lockheed Martin เจ้าหน้าที่ระบุ
องค์กรทรัมป์ยังตกลงที่จะพัฒนาสนามกอล์ฟมูลค่า 1,500 ล้านดอลาร์ในเวียดนามเช่นกัน ตามการเปิดเผยของพันธมิตรท้องถิ่นในเดือน ต.ค.