เอพี - กระทรวงมหาดไทยของกัมพูชายืนยันว่ากระทรวงได้สั่งห้ามนักข่าวอังกฤษคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงจากการรายงานข่าวเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนและปัญหาสิ่งแวดล้อมเดินทางเข้าประเทศ ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นท่ามกลางความวิตกกังวลที่ขยายตัวขึ้นเกี่ยวกับเสรีภาพสื่อในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้
เจอรัลด์ ฟลินน์ นักข่าวของเว็บไซต์ข่าวอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม Mongabay ที่มีสำนักงานในสหรัฐฯ ถูกปฏิเสธไม่ให้กลับเข้าประเทศ เนื่องจากปัญหาเรื่องวีซ่า หลังจากเดินทางไปประเทศไทยเมื่อเดือน ม.ค. โฆษกกระทรวงมหาดไทยระบุ
โฆษกกระทรวงระบุว่า ฟลินน์อ้างว่าเขาเป็นช่างไฟในการยื่นขอวีซ่า แต่กลับทำงานเป็นนักข่าวแทน
“เขาหลอกลวงกัมพูชา” โฆษกกระทรวง ระบุ
แต่ฟลินน์กล่าวว่าคำกล่าวอ้างของกัมพูชานั้นแปลกประหลาด โดยระบุว่าการขึ้นบัญชีดำเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่เขาเป็นแหล่งข่าวในสารคดีของสำนักข่าว France24 ที่ตรวจสอบโครงการชดเชยคาร์บอนของกัมพูชา
“การขาดคำอธิบายหรือหลักฐานที่น่าเชื่อถือจากรัฐบาล ประกอบกับช่วงเวลาที่ถูกขึ้นบัญชีดำ แสดงให้เห็นว่าผมถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศกัมพูชาเนื่องจากการรายงานข่าวเชิงสืบสวนของผม ที่มักเกี่ยวโยงกับกลุ่มคนชนชั้นนำที่มีอิทธิพลกับการทำลายสิ่งแวดล้อม” ฟลินน์ระบุในคำแถลงที่ส่งถึงสำนักข่าวเอพี
ด้านเว็บไซต์ข่าว Mongabay ระบุในคำแถลงว่าฟลินน์เป็นนักข่าวในกัมพูชามาเป็นเวลา 5 ปี และมักจะแสดงตนว่าเป็นเช่นนั้นเสมอ
“เขาถือบัตรผ่านสำหรับสื่อที่ออกโดยรัฐบาลมาตลอด 5 ปี” Mongabay ระบุ
นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ที่สืบทอดตำแหน่งต่อจากฮุนเซน พ่อของเขาในปี 2566 หลังจากปกครองแบบเผด็จการมาตลอด 4 ปี แทบไม่แสดงสัญญาณของการเปิดเสรีทางการเมือง และยังปราบปรามฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองและนักวิจารณ์
ในเดือน ก.ย. เมฆ ดารา นักข่าวที่ได้รับรางวัลถูกจับกุมและถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหายุยงปลุกปั่น หลังจากรายงานที่เขาเผยแพร่ได้เปิดโปงการหลอกลวงออนไลน์และการคอร์รัปชัน
ในขณะนั้น กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่ารู้สึกวิตกกังวลอย่างมากต่อการจับกุมเมฆ ดารา และองค์กรสื่อของกัมพูชาและกลุ่มประชาสังคมกว่า 40 แห่ง ได้ออกคำแถลงร่วมกันเรียกร้องให้ปล่อยตัวเขาในทันที และให้หยุดการข่มขู่คุกคามทุกรูปแบบต่อองค์กรสื่อและนักข่าว
ในเดือน ธ.ค. เชือง เชง นักข่าวอีกคนหนึ่งถูกยิงเสียชีวิต ขณะรายงานข่าวการขนส่งไม้ที่ตัดอย่างผิดกฎหมายใน จ.เสียมราฐ
คณะกรรมการคุ้มครองนักข่าวระบุว่าการสังหารดังกล่าวได้แสดงให้เห็นถึงอันตรายร้ายแรงที่นักข่าวด้านสิ่งแวดล้อมต้องเผชิญในกัมพูชา และเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการให้มากขึ้นเพื่อปกป้องคุ้มครองพวกเขา
ด้านสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทยระบุว่ารู้สึกกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับการขึ้นบัญชีดำของฟลินน์ ที่ดำรงตำแหน่งประธานสโมสรนักข่าวต่างประเทศในกัมพูชา
“สิ่งนี้เป็นดั่งตะปูอีกตัวหนึ่งในโลงศพของเสรีภาพสื่อในกัมพูชา ที่นักข่าวท้องถิ่นและนักข่าวต่างประเทศถูกข่มขู่อย่างหนักในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และองค์กรข่าวหลายแห่งต้องปิดลง” สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย ระบุ.