MGR ออนไลน์ - พลเรือนราว 20,000 คน ต้องอพยพออกจากเมืองในภูมิภาคมะเกว ทางตอนกลางของพม่า ท่ามกลางการสู้รบอย่างหนักเป็นเวลา 3 วัน ระหว่างกลุ่มติดอาวุธและกองกำลังทหารของรัฐบาล ที่ทำลายบ้านเรือนไป 1 ใน 3 ของพื้นที่ ชาวบ้านระบุ
การสู้รบอย่างดุเดือดในพื้นที่เมืองปวินบยู เป็นสัญญาณล่าสุดที่ชี้ว่ารัฐบาลทหารกำลังเสียพื้นที่ ในขณะที่สงครามกลางเมืองเข้าสู่ปีที่ 4
ประชาชนที่อพยพออกจากเมืองปวินบยูกล่าวกับสำนักข่าววิทยุเอเชียเสรีว่า การสู้รบรุนแรงขึ้นเมื่อวันเสาร์ ที่ทำให้พวกเขาต้องอพยพออกจากหมู่บ้าน 10 แห่งในพื้นที่ที่อยู่ติดกับเทือกเขายะไข่
ชาวบ้านรายหนึ่งจากหมู่บ้านมาเด ที่เป็น 1 ใน 10 หมู่บ้านที่ผู้คนอพยพหนีภัยสู้รบ กล่าวว่าพวกเขาต้องอพยพออกจากบ้านตั้งแต่วันเสาร์ และตอนนี้พวกเขาเผชิญกับความยากลำบากอย่างมาก
“เป็นเรื่องน่าเศร้าที่เราต้องทิ้งพ่อแม่อายุมากกว่า 80 ปีไว้ เพราะพวกเขาไม่ยอมหนีออกมาพร้อมกับเรา” ชาวบ้านที่ให้สัมภาษณ์กล่าว โดยขอไม่เปิดเผยชื่อ เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่ให้สัมภาษณ์ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
“เหลือคนอยู่ในหมู่บ้านแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ทั้งคนหนุ่มสาวและผู้สูงอายุต้องอาศัยอยู่ในกระท่อมชั่วคราวที่เราสร้างกันขึ้นมาเอง เกือบทุกคนในหมู่บ้านหนีกันออกมา หลังการสู้รบปะทุขึ้น บ้านในหมู่บ้านมาเดถูกเผาทำลายไปประมาณ 100 หลังจากทั้งหมด 300 หลัง ส่วนข้าวและงาที่เก็บเกี่ยวไว้ก็ถูกเผาทำลายเสียหายเช่นกัน” ชาวบ้านคนเดิมกล่าว
การสู้รบเกิดขึ้นหลังจากที่กองพันทหารราบของรัฐบาลทหารเคลื่อนกำลังเข้าโจมตีเมืองปวินบยูจากฐานของพวกเขาในเมืองซาลิน ที่อยู่ห่างออกไปทางเหนือราว 27 กิโลเมตร ตามการระบุของกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF)
อันยา ธา เจ้าหน้าที่ด้านข่าวและข้อมูลของกลุ่ม PDF เขตมินบู กล่าวว่าการสู้รบเมื่อวันเสาร์ กองกำลังรัฐบาลทหารได้ยิงและฆ่าชายหนึ่งคนจากหมู่บ้านมาเด และว่ามีทหารของรัฐบาลราว 20 นาย เสียชีวิตในการปะทะที่เกิดขึ้น แต่สำนักข่าววิทยุเอเชียเสรีไม่สามารถยืนยันคำกล่าวอ้างดังกล่าวได้
ชาวเมืองมะเกวที่มีความสัมพันธ์กับกองกำลังติดอาวุธในภูมิภาคกล่าวว่า กองกำลังพิทักษ์ประชาชนและกลุ่มติดอาวุธกำลังพยายามที่จะปลดปล่อยภูมิภาคมะเกวจากรัฐบาลทหาร และว่าชัยชนะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
แหล่งข่าวจากกลุ่มติดอาวุธระบุว่าการสู้รบกำลังทวีความรุนแรงในหลายเมืองของภูมิภาคมะเกวที่มีเขตแดนติดกับรัฐยะไข่ และรัฐชิน.