MGR Online - ทูตอินเดียหารือมุขมนตรีรัฐยะไข่ เตรียมผลักดันท่าเรือซิตต่วยเป็นฮับเชื่อมโยงพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก ชี้หลังเปิดใช้ท่าเรือกว่า 1 ปี มีเรือสินค้าหลากหลายประเภทเข้ามาใช้บริการแล้วกว่า 150 ลำ
ระหว่างวันที่ 16-17 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา Shri Abhay Thakur เอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำพม่า ได้เดินทางไปยังเมืองซิตต่วย เมืองเอกของรัฐยะไข่ ทางทิศตะวันตกของพม่า เพื่อดูการปฏิบัติงานของท่าเรือขนส่งสินค้าซิตต่วย บริเวณปากแม่น้ำคาลาดาน ที่รัฐบาลอินเดียได้สร้างไว้ด้วยงบประมาณ 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
จากเอกสารแถลงข่าวที่เผยแพร่โดยสถานเอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำพม่า คณะของเอกอัครราชทูตอินเดีย ประกอบด้วย Shri Sunil Mukundan กรรมการผู้จัดการ บริษัท India Ports Global จำกัด (IPGL) เจ้าหน้าที่จากสถานทูตอินเดียในกรุงย่างกุ้ง และจากสถานกงสุลอินเดีย ประจำเมืองซิตต่วย
ท่าเรือขนส่งสินค้าซิตต่วย เป็น 1 ใน 3 ส่วนหลักของโครงการขนส่งหลายรูปแบบคาลาดาน (Kaladan Multi-Modal Transit Transport Project : KMTT) มูลค่ารวม 484 ล้านดอลลาร์ ที่รัฐบาลอินเดียและพม่าได้ลงนามความร่วมมือกันไว้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2551 แบ่งรายละเอียดเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย
1.เชื่อมการขนส่งทางน้ำระหว่างท่าเรือขนส่งสินค้าซิตต่วย รัฐยะไข่ กับท่าเรือกัลกัตตาของอินเดีย ระยะทาง 420 ไมล์ทะเล
2.เชื่อมการขนส่งในภาคพื้นทวีปผ่านแม่น้ำคาลาดาน จากท่าเรือขนส่งสินค้าซิตต่วยขึ้นไปยังเมืองปะแลตวะ ทางตอนใต้ของรัฐชิน ระยะทาง 160 กิโลเมตร
3.สร้างทางหลวงเชื่อมจากเมืองปะแลตวะ รัฐชิน ข้ามชายแดนไปสู่เมือง Aizawl ในรัฐมิโซรัม ของอินเดีย ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร
ท่าเรือขนส่งสินค้าซิตต่วยได้สร้างเสร็จและเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน ท่าเรือแห่งนี้สามารถรองรับเรือพาณิชย์ได้แล้วมากกว่า 150 ลำ ที่เข้ามาใช้ท่าเรือเป็นช่องทางขนส่งสินค้าหลากหลายประเภท เช่น อาหาร ผลผลิตการเกษตร สินค้าโภคภัณฑ์ เวชภัณฑ์ วัสดุก่อสร้าง ยานยนต์ เครื่องจักร รวมถึงน้ำมัน ระหว่างพม่าและอินเดีย
เอกอัครราชทูตอินเดียยังได้พบกับ อู เถ่งลิน มุขมนตรีรัฐยะไข่ เพื่อหารือความร่วมมือด้านต่างๆ ระหว่างรัฐยะไข่กับอินเดีย โดยทั้ง 2 ฝ่าย ต่างเห็นพ้องในการผลักดันบทบาทของท่าเรือขนส่งสินค้าซิตต่วยให้เป็นจุดเชื่อมต่อกับพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านเศรษฐกิจให้ภูมิภาค และจะสามารถสร้างผลประโยชน์ได้อย่างเต็มศักยภาพ เมื่อสถานการณ์ทั่วรัฐยะไข่กลับคืนสู่ความสงบ.