MGR Online - องค์กรแห่งชาติปะโอ กองกำลังติดอาวุธที่สนับสนุนกองทัพพม่า นำเด็กอายุ 13-14 ปี มาเป็นทหาร หลังปรากฏภาพเชลยที่ถูกจับได้จากการสู้รบที่เมืองสี่แสง รัฐฉาน เป็นทหารเด็กถึง 2 คน
วานนี้ (10 ม.ค.) สื่อหลายแห่งของรัฐฉานและรัฐกะยา มีรายงานข่าวการสู้รบในเมืองสี่แสง จังหวัดตองจี รัฐฉานภาคใต้ โดยทหารจากกองกำลังป้องกันชาติกะเหรี่ยงแดง (KNDF) ได้สนธิกำลังกับทหารกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติปะโอ (PNLA) บุกเข้าโจมตีสามารถยึดฐานที่มั่นของทหารพม่าที่ตั้งอยู่ในเขตบ้านฉ่วยตะกูเอาไว้ได้
เมืองสี่แสง เป็น 1 ใน 3 อำเภอของเขตปกครองตนเองชนชาติปะโอ อยู่ห่างจากตัวเมืองตองจีลงมาทางทิศใต้ประมาณ 80 กิโลเมตร และอยู่ห่างทางทิศเหนือของเมืองลอยก่อ เมืองหลวงของรัฐกะยา ขึ้นไปประมาณ 52 กิโลเมตร ส่วนอีก 2 อำเภอของเขตปกครองตนเองชนชาติปะโอในรัฐฉาน ได้แก่ เมืองป๋างลอง และเมืองโหโปง (โปรดดูแผนที่ประกอบ)
ฐานที่บ้านฉ่วยตะกูซึ่งถูกตีแตกและถูกยึดไว้ได้ มีทหารพม่าจำนวนหนึ่งประจำการอยู่ แต่กำลังพลส่วนใหญ่เป็นทหารจากองค์กรแห่งชาติปะโอ (PNO) กองกำลังติดอาวุธของชาติพันธุ์ปะโออีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเข้าร่วมเป็นปีตู่ซิด หรือทหารอาสาที่ขึ้นกับกองทัพพม่า
การบุกยึดฐานในเมืองสี่แสงครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568 ทหาร KNDF และ PNLA ได้รับชัยชนะ สามารถสังหารทหารพม่ากับ PNO ได้มากกว่า 40 ราย จับกุมเป็นเชลยได้มากกว่า 10 คน ยึดอาวุธปืนได้มากกว่า 30 กระบอก รวมถึงเครื่องกระสุนอีกจำนวนหนึ่ง
แต่ประเด็นที่สื่อทุกแห่งให้ความสำคัญ คือในกลุ่มของเชลยที่ถูกจับมา 10 กว่าคนนั้น พบว่ามีทหาร PNO 2 นาย ที่ยังเป็นเพียงเด็กวัยรุ่น โดยทหารนายหนึ่งมีอายุ 13 ปี ส่วนอีกหนึ่งนายอายุ 14 ปี
ในคลิปข่าวที่ถูกเผยแพร่ออกมา ทหารเด็ก PNO ทั้ง 2 นาย กำลังถูกทหาร KNDF และ PNLA ควบคุมตัวเดินไปยังที่คุมขัง ทหาร PNLA คนหนึ่งพยายามสอบถามข้อมูล แต่ทั้งคู่ไม่ได้ตอบคำถามใดๆ
ทั้ง PNO และ PNLA ต่างเป็นกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ปะโอ ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ทั้งในพื้นที่รัฐฉานและรัฐกะยา แต่กองกำลังทั้ง 2 ถือหางกันอยู่คนละฝ่าย โดย PNO เป็นกองกำลังที่ให้การสนับสนุนกองทัพพม่า ส่วน PNLA ให้การสนับสนุนรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) หรือรัฐบาลเงาของพรรค NLD และเข้าร่วมกับ PDF กับกองกำลังฝ่ายต่อต้านกลุ่มอื่นๆ ในรัฐกะยา เปิดศึกสู้รบอยู่กับทหารพม่า ทั้งในรัฐกะยาและรัฐฉาน
การเลือกให้การสนับสนุนอยู่คนละฝ่าย ทำให้ทหารชาติพันธุ์ปะโอทั้ง 2 กองทัพ ต้องจับอาวุธเข้าห้ำหั่น เข่นฆ่ากันเอง ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา.
