รอยเตอร์ - ตัวเลขล่าสุดของสหรัฐฯ เผยให้เห็นว่าการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ กับเวียดนามพุ่งเกิน 110,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2567 โดยการส่งออกจากศูนย์กลางอุตสาหกรรมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้เติบโตขึ้นท่ามกลางเงินด่งอ่อนค่ามากสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับดอลลาร์
ตัวเลขล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (7) โดยสำนักงานสถิติของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าการขาดดุลเพิ่มขึ้นเกือบ 18% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ข้อมูลยืนยันว่าประเทศที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์มีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ สูงสุดเป็นอันดับ 4 รองจากจีน สหภาพยุโรป และเม็กซิโก
นักวิเคราะห์มองว่าช่องว่างขนาดใหญ่นี้เป็นความเสี่ยงสำคัญสำหรับประเทศที่พึ่งพาการส่งออกท่ามกลางภัยคุกคามจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะกำหนดภาษีนำเข้าสินค้าสูงถึง 20%
นอกจากนี้ ค่าเงินด่งของเวียดนามที่ร่วงลงอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ถูกวอชิงตันจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่อยู่ภายใต้การพิจารณากรณีปั่นค่าเงิน
เวียดนามที่ถือว่าสหรัฐฯ เป็นตลาดใหญ่ที่สุด เป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มุ่งเน้นการส่งออกของบริษัทข้ามชาติสหรัฐฯ หลายแห่ง เช่น Apple Google Nike และ Intel
ตัวเลขการค้าปรับตามฤดูกาลล่าสุดเผยให้เห็นว่าในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ย. เวียดนามมีส่วนเกินการค้ากับสหรัฐฯ 111,600 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 94,800 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ขณะที่ข้อมูลที่ไม่ได้ปรับตามฤดูกาลชี้ให้เห็นช่องว่างขนาดใหญ่ที่ 113,100 ล้านดอลลาร์
ในเดือน พ.ย. ช่องว่างทางการค้าขยายตัว 11,300 ล้านดอลลาร์ เร่งขึ้นจากเดือน ต.ค. เนื่องจากการส่งออกของเวียดนามไปยังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ตามข้อมูลที่ปรับแล้ว ซึ่งอาจได้รับการสนับสนุนจากเงินด่งที่อ่อนค่า
“หากสหรัฐฯ มองว่าเวียดนามจงใจทำให้เงินด่งอ่อนค่าเพื่อให้ได้เปรียบทางการค้าอย่างไม่เป็นธรรม ก็อาจก่อให้เกิดข้อกล่าวหาเรื่องการปั่นค่าเงินอีกครั้ง” ลีฟ ชไนเดอร์ หัวหน้าสำนักงานกฎหมาย Luther ในเวียดนาม กล่าว
ทรัมป์สิ้นสุดวาระแรกในทำเนียบขาวด้วยการประกาศของกระทรวงการคลังว่าเวียดนามและสวิตเซอร์แลนด์เป็นผู้แทรกแซงค่าเงินเพื่อทำให้ค่าเงินของตนอ่อนค่าลง
ธนาคารกลางเวียดนามกล่าวว่า พร้อมที่จะเข้าแทรกแซงตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในกรณีที่มีผลกระทบด้านเศรษฐกิจเชิงลบจากความเคลื่อนไหวของค่าเงิน และเคยขายดอลลาร์ไปแล้วเพื่อทำให้ค่าเงินด่งแข็งขึ้น
เมื่อวันอังคาร (7) ก่อนตัวเลขการค้าชุดใหม่จะเผยแพร่ ธนาคารกลางเวียดนามกล่าวว่าจะติดตามนโยบายของทรัมป์และปรับเปลี่ยนตาม.