กองทัพพม่าพ่ายกลุ่มติดอาวุธต่อเนื่อง ทำเหลือพื้นที่ในความควบคุมไม่ถึงครึ่งประเทศ

MGRออนไลน์ - กองกำลังของรัฐบาลทหารพม่าควบคุมพื้นที่ได้ไม่ถึงครึ่งของประเทศหลังจากพ่ายแพ้ในสนามรบหลายครั้งในปี 2567 รวมถึงสูญเสียกองบัญชาการในรัฐชาน และรัฐยะไข่ กลุ่มติดอาวุธระบุ

ในเดือน มิ.ย. พันธมิตรสามภราดรภาพของกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ ได้กลับมาเปิดฉากโจมตีในรัฐชาน และภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติพม่า ยึดเมืองล่าเสี้ยวที่มีประชากร 130,000 คน ที่เป็นศูนย์กลางทางการค้าและการบริหารของภูมิภาค และประตูสู่จีนไว้ได้

สมาชิกอีกกลุ่มของพันธมิตรสามภราดรภาพคือ กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง ยังได้เข้ายึดเมืองสำคัญของรัฐชานอย่างเมืองหนองเขียว และเมืองจ๊อกแม รวมถึงเมืองโมกก ที่เป็นเมืองทำเหมืองอัญมณี ในภาคมัณฑะเลย์ที่อยู่ใกล้กัน

ชัยชนะในเดือน ก.ค. และ ส.ค. ทำให้รัฐบาลทหารเกือบไม่มีดินแดนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของตนเองในรัฐชาน พื้นที่สำคัญสำหรับการค้าชายแดนกับจีน

“การบริหารของรัฐบาลทหารสิ้นสุดลงอย่างสิ้นเชิงที่นี่” ชาวเมืองกุตก่าย เมืองในพื้นที่ตอนเหนือของรัฐชาน ที่เป็นจุดสำคัญของการโจมตีทางอากาศของรัฐบาลทหารในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา กล่าว

“ปัจจุบัน เศรษฐกิจและการศึกษาหยุดชะงัก ค่าครองชีพก็พุ่งสูงขึ้น” ชาวเมืองกล่าวสำนักข่าววิทยุเอเชียเสรี

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวไม่สามารถยืนยันพื้นที่ที่รัฐบาลทหารสูญเสียไปได้อย่างชัดเจน เนื่องจากสถานการณ์ภาคพื้นดินยังไม่แน่นอน และยากที่จะตรวจสอบเนื่องจากการสู้รบเกิดขึ้นต่อเนื่อง

ความพ่ายแพ้ในการสู้รบเกิดขึ้นในขณะที่รัฐบาลทหารเดินหน้าแผนการจัดการเลือกตั้งปี 2568 ที่เป็นเวลา 4 ปีหลังจากที่พวกเขาเข้ายึดอำนาจจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ.2564

แต่ฝ่ายต่อต้านระบุว่า การเลือกตั้งดังกล่าวจะเป็นเรื่องตลก และเป็นเพียงวิธีในการสร้างความชอบธรรมให้การปกครองของพวกเขา

ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้กล่าวกับตัวแทนพรรคการเมืองก่อนหน้านี้ว่า ในช่วงเริ่มต้น การเลือกตั้งจะจัดขึ้นใน 161 เมืองที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลทหาร จาก 330 เมืองทั่วประเทศ

โฆษกประจำสำนักงานประธานาธิบดีของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ที่เป็นรัฐบาลคู่ขนาน กล่าวว่ารัฐบาลทหารควบคุมพื้นที่เพียง 1ใน 3 ของประเทศเท่านั้น ซึ่งรวมถึงเมืองใหญ่อย่างย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ และกรุงเนปีดอ

“แม้แต่ในพื้นที่เหล่านั้นเอง ความปลอดภัยก็ยังห่างไกล” โฆษกสำนักงานประธานาธิบดี NUG กล่าว

ชาวบ้านและกองกำลังติดอาวุธระบุว่า พื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลทหารลดลงในภาคสะกาย ภาคมะเกว และภาคมัณฑะเลย์ ในตอนกลางของประเทศ ที่เกิดการสู้รบอย่างดุเดือดระหว่างกองทัพและกองกำลังต่อต้านการรัฐประหารอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การรัฐประหาร

ในเวลานี้ กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ควบคุมพื้นที่ขนาดใหญ่ในรัฐกะฉิ่น ทางภาคเหนือ และในรัฐกะเหรี่ยง ทางตะวันออกของประเทศ

ส่วนที่รัฐกะยา ทางตะวันออกของพม่า กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ได้ยึดดินแดนได้ราว 80% ตามการระบุของรองเลขาธิการสภาบริหารชั่วคราวรัฐกะเหรี่ยงต่อต้านรัฐบาลทหาร โดยในแต่ละเมืองที่กลุ่มติดอาวุธควบคุมอยู่ในรัฐกะยา ได้จัดตั้งหน่วยงานบริหาร กฎหมายและความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัย การศึกษา ปศุสัตว์ สุขภาพ และศูนย์ดูแลแม่และเด็ก

“เราได้จัดตั้งกลไกการบริหารในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมทั้งหมดในปัจจุบัน” รองเลขาธิการสภาบริหารชั่วคราวรัฐกะเหรี่ยง กล่าว

ในรัฐยะไข่ ที่เป็นรัฐทางตะวันตกสุดของพม่า กองทัพอาระกันยึดเมืองได้ 14 เมืองจากทั้งหมด 17 เมืองจากรัฐบาลทหาร ตามการระบุของชาวเมืองที่ขอไม่เปิดเผยชื่อด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

“หลายพื้นที่ในเมืองสิตตะเวอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขาแล้ว มีเพียงจอก์พยู ที่มีการลงทุนจากจีน และเกาะมะนองที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลทหาร” ชาวเมืองกล่าว

กองทัพอาระกันยึดกองบัญชาการภาคตะวันตกในเมืองแอนไว้ได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.

ส่วนพื้นที่อื่นๆ ในรัฐยะไข่ กองทัพได้ส่งกำลังเสริมลงพื้นที่ที่พวกเขาควบคุม รวมทั้งเมืองจอก์พยู ที่จีนมีแผนสร้างท่าเรือ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านพลังงาน และท่อส่งน้ำมันและก๊าซที่ส่งไปยังมณฑลยูนนาน

ในรัฐชินที่อยู่ติดกัน กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ยึดเมืองได้ 2 เมือง ตามการระบุของโฆษกพันธมิตรภราดรภาพชิน โดยกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารหลายกลุ่มตอนนี้ควบคุมพื้นที่ของรัฐอยู่ประมาณ 85%

รัฐชาน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ควบคุมเมือง 24 เมือง โดยมีเพียงเมืองตังยาง มงไย และมูเซะ ที่ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลทหาร การยึดกองบัญชาการภาคตะวันออกเฉียงเหนือนอกเมืองล่าเสี้ยวเมื่อปลายเดือน ก.ค. ถือเป็นหนึ่งในการสูญเสียครั้งสำคัญสำหรับกองทัพในรอบหลายปี

อย่างไรก็ตาม โฆษกของกลุ่มปกป้องประชาชนในเมืองเยอู ภาคสะกาย คาดการณ์ว่าจะมีการโจมตีครั้งใหญ่จากรัฐบาลทหาร เนื่องจากรัฐบาลยังคงบังคับเกณฑ์คนหนุ่มสาวเข้ากองทัพและฝึกอบรม ซึ่งคาดว่าจะเปิดฉากโจมตีทั้งทางบกและทางอากาศหลังจากนี้.