กฎหมายอินเทอร์เน็ตฉบับใหม่สุดเข้มงวดของเวียดนามมีผลบังคับใช้แล้ว

เอเอฟพี - กฎหมายอินเทอร์เน็ตฉบับใหม่ของเวียดนามที่กำหนดให้เฟซบุ๊กและติ๊กต็อกต้องตรวจสอบตัวตนผู้ใช้งานและส่งมอบข้อมูลให้ทางการมีผลบังคับใช้ในวันนี้ (25) ในสิ่งที่นักวิจารณ์ระบุว่าเป็นการโจมตีเสรีภาพในการแสดงออกครั้งล่าสุด

ภายใต้ ‘กฤษฎีกา 147’ ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีทั้งหมดที่ดำเนินการในเวียดนามต้องตรวจสอบบัญชีผู้ใช้ผ่านหมายเลขโทรศัพท์หรือเลขประจำตัวประชาชน และจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวร่วมกับชื่อนามสกุลและวันเกิด

พวกเขาต้องให้ข้อมูลดังกล่าวกับทางการเมื่อได้รับการร้องขอ และลบเนื้อหาที่รัฐบาลถือว่าผิดกฎหมายภายใน 24 ชั่วโมง

สื่อของรัฐรายงานว่ากฎระเบียบใหม่นี้มีผลบังคับใช้ในวันพุธ (25)

เว็บไซต์โซเชียลมีเดียทั้งหมดมีเวลา 90 วันในการจัดเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนการเข้าชมตามปกติทั้งหมดในเวียดนาม และจำนวนผู้ใช้ปกติต่อเดือนให้ทางการ สำนักข่าว VnExpress ระบุ

“กฤษฎีกาฉบับที่ 147 จะถูกใช้ปราบปรามผู้ที่มีมุมมองเห็นต่าง” นักเคลื่อนไหวที่เขียนบทความเกี่ยวกับประเด็นทางสังคมและการเมืองบนบัญชีเฟซบุ๊กของเธอ ที่มีผู้ติดตาม 28,000 คน กล่าว

“กฤษฎีกาฉบับนี้เป็นสัญญาณล่าสุดของการละเมิดเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ที่มีเส้นแบ่งคลุมเครือระหว่างสิ่งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย ไม่มีใครอยากติดคุก ดังนั้นแน่นอนว่านักเคลื่อนไหวบางคนจะระมัดระวังมากขึ้นและหวาดกลัวกฤษฎีกาฉบับนี้” อดีตนักโทษการเมืองรายหนึ่ง กล่าว

ฝ่ายบริหารที่แข็งกร้าวของเวียดนามจะดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อปราบปรามผู้เห็นต่างและจับกุมผู้วิจารณ์ โดยเฉพาะผู้ที่มีผู้ชมบนโซเชียลมีเดีย

ในเดือน ต.ค. บล็อกเกอร์คนหนึ่งที่มีผู้ติดตามบนยูทูปเกือบ 120,000 คน ที่เขามักถ่ายทอดการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอยู่เป็นประจำ ถูกตัดสินจำคุก 12 ปี ในข้อหาเผยแพร่ข้อมูลต่อต้านรัฐ

กฤษฎีกาฉบับที่ 147 เกิดขึ้นจากกฎหมายความมั่นคงไซเบอร์ปี 2561 ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และผู้สนับสนุนเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ต ที่กล่าวว่ากฎหมายดังกล่าวเลียนแบบการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตที่เข้มงวดของจีน

กฤษฎีกาฉบับนี้ยังระบุว่าเฉพาะบัญชีที่ผ่านการตรวจสอบแล้วเท่านั้นจึงจะสามารถไลฟ์ได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้คนที่หาเลี้ยงชีพด้วยการค้าขายผ่านสื่อโซเชียลเช่น ติ๊กต็อก ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

นอกเหนือจากผลกระทบต่อบริษัทสื่อสังคมออนไลน์แล้ว กฎหมายใหม่ยังรวมถึงการจำกัดการเล่นเกมสำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการติดเกม

คาดว่าผู้จัดจำหน่ายเกมจะต้องจำกัดระยะเวลาในการเล่นที่ 1 ชั่วโมงต่อเซสชันเกม และไม่เกิน 180 นาทีต่อวันสำหรับเกมทั้งหมด

บริษัทวิจัยข้อมูล Newzoo ระบุว่ามากกว่าครึ่งของประชากรเวียดนามทั้งหมด 100 ล้านคน มักเล่นเกมเป็นประจำ

ประชากรส่วนใหญ่ยังคงใช้งานโซเชียลมีเดีย โดยกระทรวงสารสนเทศและการสื่อสารประมาณการว่าประเทศนี้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กราว 65 ล้านคน ผู้ใช้ยูทูป 60 ล้านคน และผู้ใช้ติ๊กต็อก 20 ล้านคน.