MGR ออนไลน์ - ผู้นำคณะรัฐบาลทหารพม่าย้ำคำเรียกร้องให้กลุ่มติดอาวุธที่กำลังต่อสู้เพื่อยุติการปกครองของทหารสร้างสันติภาพ โดยระบุว่ารัฐบาลของเขากำลังเสริมสร้างประชาธิปไตย ในข้อเสนอการเจรจาครั้งล่าสุด ขณะที่กองกำลังทหารของเขาเผชิญกับความพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง
พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ที่โค่นล้มรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งในการรัฐประหารปี 2564 และพยายามบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามที่ต่อต้านการยึดอำนาจ ได้กล่าวคำเรียกร้องดังกล่าวในงานเลี้ยงอาหารค่ำเมื่อวันอาทิตย์ที่วิหารเซนต์แมรี่ ในนครย่างกุ้ง
“รัฐบาลกำลังดำเนินการตามแผนงาน วิสัยทัศน์ระดับชาติและทางการเมืองเพื่อเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตยแบบหลายพรรคที่ประชาชนต้องการ และกลับสู่เส้นทางประชาธิปไตยที่ถูกต้อง” หนังสือพิมพ์โกลบอลนิวไลท์ออฟเมียนมาร์ รายงานอ้างคำกล่าวของ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย
“รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมผ่านการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการเจรจาเพื่อให้บรรลุความสำเร็จ” ผู้นำรัฐบาลทหารกล่าว และเสริมว่าปัญหาต่างๆ ต้องแก้ไขผ่านวิธีการทางการเมือง ไม่ใช่จัดการด้วยการต่อสู้ด้วยอาวุธ
จีน ประเทศเพื่อนบ้านของพม่ามีความกระตือรือร้นที่จะเห็นเสถียรภาพความมั่นคงของพม่า และกำลังกดดันทุกฝ่ายให้เจรจาหารือกัน และได้ให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนการเลือกตั้งที่คาดว่าจะจัดขึ้นในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ไม่ได้กล่าวถึงความพ่ายแพ้ของกองทัพในคำกล่าวของเขาเมื่อวันอาทิตย์
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กองบัญชาการทหารระดับภูมิภาคได้ตกอยู่ในมือของกองทัพอาระกัน (AA) กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ในรัฐยะไข่ หลังต่อสู้กันมานานหลายเดือน
กองทัพอาระกันที่ได้รับการสนับสนุนจากชาวยะไข่ที่นับถือศาสนาพุทธ ปัจจุบันควบคุมพื้นที่ของรัฐประมาณ 80% โดยกองทัพถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่เล็กๆ รวมถึงเขตเศรษฐกิจจอก์พยู บนชายฝั่งที่จีนมีท่อส่งน้ำมันและก๊าซ และต้องการสร้างท่าเรือ
ในรัฐชิน ทางตะวันตกเฉียงเหนือ กลุ่มติดอาวุธระบุว่าพวกเขารุกคืบโจมตีกองทัพได้มากขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และปัจจุบันควบคุมพื้นที่ของรัฐได้ 85% ที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์
อย่างไรก็ตาม กลุ่มติดอาวุธและรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติที่เป็นรัฐบาลคู่ขนานในต่างแดนปฏิเสธคำเรียกร้องของ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ที่จะพูดคุย โดยกลุ่มติดอาวุธกล่าวว่าพวกเขาไม่มีศรัทธาต่อคำพูดของกองทัพที่ปราบปรามผู้เห็นต่าง จำคุกหรือสังหารศัตรูของพวกเขามานานหลายทศวรรษ
“สิ่งสำคัญคือกองกำลังปฏิวัติไม่ไว้วางใจสภาทหาร” เจ้าหน้าที่จากหนึ่งในกลุ่มติดอาวุธเรียกร้องประชาธิปไตย ที่รู้จักในชื่อกองกำลังพิทักษ์ประชาชน กล่าว
“อีกเรื่องหนึ่งคือรัฐบาลทหารกำลังพ่ายแพ้ในสนามรบ ดังนั้นเราจึงไม่ต้องจัดการเจรจากับพวกเขาในตอนนี้” เจ้าหน้าที่คนเดิมกล่าว
ขณะที่กองทัพอาระกันกำลังรุกคืบอย่างต่อเนื่องในรัฐยะไข่ สมาชิกของชนกลุ่มน้อยโรฮิงญา ที่หลายคนตั้งรกรากในพื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐที่อยู่ติดกับชายแดนบังกลาเทศ ได้ร้องขอให้กองทัพอาระกันเคารพสิทธิของพวกเขา
“เราขอเรียกร้องให้กองทัพอาระกันและฝ่ายการเมืองของกองทัพอาระกันปกป้องและเคารพสิทธิของโรฮิงญา และชนกลุ่มน้อยทางศาสนาและชาติพันธุ์ทุกกลุ่ม” กลุ่มโรฮิงญาระบุในคำแถลงร่วม
“กองทัพพม่าเป็นศัตรูร่วมของเราอย่างไม่ต้องสงสัย” กลุ่มโรฮิงญาระบุ ขณะเดียวกันก็กล่าวหาว่ากองทัพอาระกันละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวโรฮิงญา รวมถึงการวางเพลิงและการสังหารผู้คนจำนวนมาก
กองทัพอาระกันปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ผู้สืบสวนด้านสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า กองทัพอาระกันละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาลทหารเริ่มเกณฑ์ชายชาวโรฮิงญาเข้าร่วมกองกำลังติดอาวุธเพื่อต่อสู้กับกองทัพอาระกันในปีนี้
องค์กรโรฮิงญาที่หลายแห่งตั้งอยู่ในต่างประเทศ กล่าวว่าพวกเขาปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะร่วมมือกับกองทัพ และเรียกร้องให้กองทัพอาระกันยอมรับโรฮิงญาเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนที่มีอยู่อย่างหลากหลายของรัฐ
กลุ่มยังเรียกร้องให้เปิดช่องทางความช่วยเหลือฉุกเฉินจากบังกลาเทศเพื่อป้องกันภาวะอดอยาก
สหประชาชาติระบุว่ามีประชาชนมากกว่า 2 ล้านคนกำลังเผชิญกับภาวะอดอยากที่มีแนวโน้มเลวร้ายลงในรัฐยะไข่ ท่ามกลางเศรษฐกิจตกต่ำและวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่ย่ำแย่ลงเนื่องจากการรัฐประหารในปี 2564.