รอยเตอร์ - ยูเนสโกเตรียมส่งทีมผู้เชี่ยวชาญเข้าประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อการอนุรักษ์อ่าวฮาลอง (Ha Long Bay) ในเวียดนาม เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับโครงการพัฒนาต่างๆ ที่อาจคุกคามแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก หน่วยงานของสหประชาชาติเผยกับรอยเตอร์
อ่าวฮาลอง และหมู่เกาะก๊าตบ่า (Cat Ba) ที่อยู่ติดกัน ฉลองครบรอบ 30 ปี ของการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโกในปีนี้ ที่ได้รับการพิจารณาจากหน่วยงานให้เป็นตัวอย่างหินปูนรูปหอคอยที่รุกล้ำทะเลที่ครอบคลุมและเป็นที่รู้จักมากที่สุด
การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโกทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้หลายล้านคนทุกปี และเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวของเวียดนาม
อย่างไรก็ตาม ยูเนสโกระบุว่ามีข้อกังวลมายาวนานว่าโครงการพัฒนาหลายโครงการสำหรับการท่องเที่ยวและพื้นที่อยู่อาศัยตามแนวชายฝั่งของเมืองฮาลองได้รับการอนุมัติและดำเนินการโดยไม่มีการประเมินผลกระทบอย่างเหมาะสม
หากผลการประเมินของคณะผู้เชี่ยวชาญนำไปสู่การคว่ำบาตรหรือถูกถอดจากรายชื่อมรดกโลก อาจส่งผลระทบอย่างมากต่อภาคการท่องเที่ยวของเวียดนาม ที่มีสัดส่วนเป็น 8% ของจีดีพีปีที่แล้ว
“หากพบภัยคุกคามที่เป็นอันตรายต่อความสมบูรณ์ของสถานที่และเหตุผลที่สถานที่ดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก คณะกรรมการอาจร้องขอมาตรการแก้ไขเพื่อเพิ่มความคุ้มครองต่อสถานที่ดังกล่าว” ยูเนสโกระบุ
คณะผู้ประเมิน ที่จะรวมถึงผู้เชี่ยวชาญจากยูเนสโกและองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ จะถูกส่งลงพื้นที่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ยูเนสโกระบุ
ด้านอาจารย์อาวุโสด้านการท่องเที่ยวของมหาวิทยาลัย RMIT เวียดนาม กล่าวว่าการสร้างอาคารมากเกินไปคุกคามความงามตามธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ความหลากหลายทางชีวภาพ และความสมดุลทางนิเวศวิทยา ที่เป็นคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้สถานที่ดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก
กระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงการต่างประเทศของเวียดนามไม่ได้ตอบกลับคำขอความคิดเห็นจากรอยเตอร์ในทันที รวมถึงหน่วยงานระดับจังหวัดที่รับผิดชอบดูแลอ่าวฮาลอง.