รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรีฝ่าม มีง จีง ของเวียดนาม เรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิกข้อจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีบางประเภท และกล่าวว่าประเทศต้องการพัฒนาระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม
ภายในงานที่จัดขึ้นในกรุงฮานอยโดยหอการค้าสหรัฐฯ ผู้นำเวียดนามยังกล่าวว่าสองประเทศควรรักษาความสัมพันธ์อันดีและร่วมมือกันเพื่อส่งเสริมพหุภาคีนิยมเพื่อจัดการกับความท้าทายต่างๆ
ทั้งนี้ ผู้นำเวียดนามไม่ได้อ้างถึงภาษีศุลกากรที่อาจเกิดขึ้นกับเวียดนามของสหรัฐฯ แม้จะมีภัยคุกคามจากฝ่ายบริหารของทรัมป์ที่จะขึ้นภาษีสูงถึง 20% กับสินค้านำเข้าทั้งหมด ทั้งนี้ เวียดนามเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ไปยังสหรัฐฯ และมีดุลการค้าเกินดุลกับวอชิงตันจำนวนมาก
“เราหวังว่าสหรัฐฯ จะยกเลิกคำสั่งห้ามค้าขายเทคโนโลยีบางประเภทกับเวียดนาม เราไม่ได้ต่อสู้กับใคร แล้วเหตุใดถึงยังคว่ำบาตรอยู่?” นายกฯ จีง กล่าวในที่ประชุม
ปัจจุบัน สหรัฐฯ จำกัดการเข้าถึงอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพกับเวียดนาม รวมถึงเทคโนโลยีที่ถือว่ามีความสำคัญต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ แต่เวียดนามได้รับอนุญาตให้นำเข้าอาวุธทั่วไปจากสหรัฐฯ ได้แล้ว รวมถึงเทคโนโลยีนิวเคลียร์และขีปนาวุธบางอย่าง
ผู้นำเวียดนามยังกล่าวว่าเวียดนามต้องการพัฒนาการสื่อสารผ่านดาวเทียม และกำลังเจรจากับสเปซเอ็กซ์ (SpaceX) บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอวกาศของสหรัฐฯ
เขาย้ำข้อเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยอมรับว่าเวียดนามเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจแบบตลาด ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจช่วยลดภาษีกับการค้าที่ถูกคว่ำบาตรได้
นายกฯ จีง ยังกล่าวอีกว่า การลงทุนจากต่างประเทศที่ไหลเข้าสู่เวียดนามในปีนี้ คาดว่าจะมีมูลค่ารวมประมาณ 25,000 ล้านดอลลาร์.