เอเอฟพี - ผู้รอดชีวิตและสุนัขดมกลุ่มเข้าร่วมกับผู้คนหลายร้อยคนที่นครวัดของกัมพูชา ในวันนี้ (24) เพื่อเดินขบวนต่อต้านทุ่นระเบิด หลังสหรัฐฯ ตัดสินใจส่งทุ่นระเบิดสังหารบุคคลให้ยูเครน
บรรดาผู้เข้าร่วมงาน รวมถึงเหยื่อทุ่นระเบิดและผู้เก็บกู้ทุ่นระเบิด ได้ร่วมส่งเสียงเรียกร้องให้ “โลกปราศจากทุ่นระเบิด” ระหว่างเดินขบวนไปรอบๆ นครวัดเป็นระยะทาง 4 กิโลเมตร
การเดินขบวนดังกล่าวจัดขึ้นหนึ่งวันก่อนการประชุมต่อต้านทุ่นระเบิดที่จะจัดขึ้นในกัมพูชา ประเทศที่เต็มไปด้วยวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิดที่เป็นมรดกตกค้างจากสงครามกลางเมือง
คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานหลายร้อยคนในเสียมราฐ เพื่อประเมินความคืบหน้าของสนธิสัญญาห้ามทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล ปี 2540 ที่ทั้งรัสเซียและสหรัฐฯ ไม่ได้เข้าร่วม
การเดินขบวนและการประชุมเกิดขึ้นหลังจากวอชิงตันประกาศในสัปดาห์นี้ว่าจะส่งทุ่นระเบิดสังหารบุคคลให้ยูเครนในนโยบายที่นักรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนวิพากษ์วิจารณ์ทุนที
ในกัมพูชา ที่สิ่งตกค้างจากสงครามยังคงคร่าชีวิตและทำร้ายผู้คนอย่างต่อเนื่อง เหยื่อของทุ่นระเบิดกล่าวว่าพวกเขากลัวการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการตัดสินใจดังกล่าว
“จะมีเหยื่อแบบผมอีกมาก ผมรู้สึกเสียใจและตกใจ” ฮอร์ล โปรส อดีตนายทหารที่เสียขาขวาจากทุ่นระเบิดในปี 2527 กล่าว
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวว่า ทุ่นระเบิดดังกล่าวมีความสำคัญมากในการหยุดยั้งการโจมตีของรัสเซีย
ด้านรองประธานองค์การปฏิบัติการทุ่นระเบิดและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแห่งกัมพูชา กล่าวว่า “เรารู้สึกเสียใจที่ยังมีประเทศและประชาชนใช้ทุ่นระเบิดอยู่ ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลไม่เป็นผลดีต่อมนุษยชาติ”
หลังจากสงครามกลางเมืองยาวนานเกือบ 3 ทศวรรษ ตั้งแต่ทศวรรษ 1960 กัมพูชากลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกทิ้งระเบิดและถูกวางทุ่นระเบิดมากที่สุดในโลก
ประชาชนราว 20,000 คน เสียชีวิตจากทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิดนับตั้งแต่ปี 2522 และจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บนั้นมากกว่า 2 เท่า
“ผมรู้สึกว่าเป็นเรื่องผิดโดยพื้นฐานที่มีอาวุธที่สามารถส่งผลกระทบระยะยาวต่อประชากรพลเรือน” คริส มูน อดีตทหารอังกฤษ ที่สูญเสียแขนและขาในปี 2538 ขณะเก็บกู้ทุ่นระเบิดในโมซัมบิก กล่าวในเสียมราฐ.