MGR Online - ทางการลาวสั่งลงโทษทางวินัยเจ้าหน้าที่รัฐ 26 ราย ข้อหาฉ้อราษฎร์บังหลวง เหตุเอื้อนายทุนบุกรุกป่าสงวน 3.6 หมื่นไร่ ในเมืองสะหนามไซ แขวงอัตตะปือ แต่ชุมชนออนไลน์กลับผิดหวัง เหตุตัวการใหญ่ระดับอดีตรัฐมนตรีไม่ถูกแตะต้อง
ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อออนไลน์หลายแห่งในลาว ต่างรายงานข่าวการลงโทษทางวินัย พนักงาน รัฐกร สมาชิกพรรคประชาชนปฏิวัติลาว และผู้บริหารท้องถิ่น จำนวนมากถึง 26 คน ในข้อหาฉ้อราษฎร์บังหลวง จากการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเอื้อให้นายทุนเข้าบุกรุกที่ดินป่าสงวนในเขตเมืองสะหนามไซ แขวงอัตตะปือ
ตามเนื้อข่าว สื่อทุกแห่งได้เผยแพร่เอกสารจากคณะกรรมการวินัยขั้นแขวง ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2567 ลงนามโดยท้าวคำบุน ดวงพะบาง ซึ่งอ้างอิงเนื้อหาจากหนังสือขององค์กรตรวจตราแห่งรัฐ เลขที่ 435/อกหล. ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2566 เรื่อง ผลการตรวจสอบการบุกรุกที่ดินป่าสงวน เนื้อที่ 5,860.34 เฮคตา หรือ 36,627.12 ไร่ ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องรวม 26 คน
อย่างไรก็ตาม ชุมชนออนไลน์ของลาวได้เกิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าเจ้าหน้าที่รัฐทั้ง 26 คนที่ถูกลงโทษทางวินัย เป็นเพียงผู้ร่วมกระบวนการรายย่อย แต่ผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงและเป็นตัวการใหญ่ที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มนายทุนได้เข้าไปบุกรุกป่าสงวนครั้งนี้ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงระดับอดีตรัฐมนตรีและอดีตเจ้าแขวง แต่กระบวนการทางกฏหมายกลับไม่สามารถเอื้อมเข้าไปจัดการได้ถึง
สำหรับปัญหาการบุกรุกป่าสงวนในเมืองสะหนามไซ เป็นข่าวที่ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางมาก่อนหน้านี้แล้วกว่า 1 ปี เริ่มจากเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2566 ได้เกิดการร้องเรียนผ่านสื่อออนไลน์ว่า มีบริษัทเอกชนเข้าไปบุกรุกที่ดินทำกินของเกษตรกรบ้านหนองหินกับบ้านไซดอนโขง เมืองสะหนามไซ ซึ่งเป็นป่าสงวนที่ยาวต่อเนื่องมาจากเขตป้องกันที่ราบสูงบอละเวน แขวงจำปาสัก จนถึงเขตป่าพื้นที่การผลิตเซคำพอ-ปางวิไล แขวงอัตตะปือ ซึ่งมีชาวบ้านใช้เป็นแหล่งปลูกกาแฟ มันสำปะหลัง อยู่ก่อนแล้ว
ต่อมา วันที่ 18 พฤษภาคม 2566 ท้าวบุนเซิน สีอามาด ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายบ้านหนองหิน และนางเพ็ดจันดา จันทะมาด รองนายบ้านไซดอนโขง ได้ออกมาแถลงข่าวว่า พื้นที่ป่าที่เป็นปัญหา มีบริษัทจากจีน 2 แห่ง ได้แก่ บริษัทซีซิน และบริษัทก่องแก้ว ได้รับสัมปทานอย่างถูกต้องตามกฎหมายให้เข้าไปพัฒนาที่ดินบริษัทละ 300 เฮกตาร์ หรือ 1,875 ไร่ เพื่อปลูกต้นไม้ฟื้นฟูป่าและทำเกษตรกรรมแบบผสมผสาน แต่พื้นที่ซึ่งได้รับสัมปทาน มีเกษตรกรเข้ามาทำการเกษตรอยู่ก่อนแล้ว จึงเกิดเป็นความขัดแย้งกัน ภาครัฐจึงได้เป็นตัวกลางประสานงานกับฝ่ายบริษัทและชาวบ้านให้มาพูดคุยทำความเข้าใจกัน ข่าวเรื่องการบุกรุกป่าสงวนจึงได้เงียบหายไประยะหนึ่ง
แต่ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา พลโทวันทอง กองมะนี เจ้าแขวงอัตตะปือ ได้รายงานต่อที่ประชุมสภาประชาชน แขวงอัตตะปือ ว่า ได้ตรวจพบการบุกรุกที่ดินของรัฐ ในเขตเมืองสะหนามไซ โดยเฉพาะป่าสงวน ในเขตป้องกันของที่ราบสูงบอละเวน จนถึงเขตป่าพื้นที่การผลิตเซคำพอ-ปางวิไล โดยมีผู้บุกรุกเป็นนิติบุคคลรวม 8 บริษัท และเป็นบุคคลธรรมดาอีก 2 คน เนื้อที่ป่าที่ถูกบุกรุกรวม 5,860 เฮกตาร์ ซึ่งเจ้าหน้าอยู่ระหว่างการตรวจสอบและเร่งแก้ไขปัญหา
กระทั่งมีเอกสารของคณะกรรมการวินัยขั้นแขวง ที่ให้รายละเอียดการลงโทษทางวินัยเจ้าหน้าที่รัฐจำนวน 26 คน ถูกเผยแพร่ออกมาผ่านสื่อออนไลน์หลายสำนักครั้งนี้
ในเอกสารซึ่งความยาว 6 หน้ากระดาษ A4 ได้บอกรายละเอียด การสั่งลงโทษผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีนี้ทั้ง 26 คน โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มแรก จำนวน 8 คน ให้เปลี่ยนจากการดำเนินคดีมาเป็นการลงโทษทางวินัย ประกอบด้วย
1.นางนิลา ไซสมบูน อดีตคณะกรรมการพรรคประจำเมือง รองเจ้าเมืองสะหนามไซ ปัจจุบันเป็นรองหัวหน้าโรงเรียนการเมืองและการปกครองแขวง ถูกลงโทษโดยเอาออกจากพรรค ปลดจากตำแหน่งรองหัวหน้าโรงเรียนการเมืองและการปกครอง และให้บันทึกข้อมูลการถูกลงโทษลงในประวัติสมาชิกพรรคและประวัติรัฐกร นอกจากนี้ ยังให้ริบเงิน 170 ล้านกีบ ที่ผู้ถูกลงโทษได้จากการเป็นค่านายหน้าซื้อขายที่ดิน ให้ตกเป็นทรัพย์สินของรัฐ
2.ท้าวดอนสะหวัน พมดวงจัน เลขาหน่วยพรรค หัวหน้าสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมืองสะหนามไซ ถูกลงโทษโดยเอาออกจากพรรค ปลดจากตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บันทึกข้อมูลการถูกลงโทษลงในประวัติสมาชิกพรรคและประวัติรัฐกร และริบเงินสินบน 249 ล้านกีบ ที่ได้รับจากนายหน้าซื้อขายที่ดิน ให้ตกเป็นของรัฐ
3.ท้าวขันไซ นามมัดสา หัวหน้าหน่วยงานที่ดิน ให้เอาออกจากพรรค ปลดจากตำแหน่งหัวหน้าหน่วยงาน บันทึกข้อมูลการถูกลงโทษลงในประวัติสมาชิกพรรคและประวัติรัฐกร และริบเงินสินบน 249 ล้านกีบ ที่ได้รับร่วมกับผู้ถูกลงโทษคนที่ 2 จากนายหน้าซื้อขายที่ดิน ให้ตกเป็นของรัฐ
4.ท้าวบุนเซิน สีอามาด เลขาพรรคบ้าน นายบ้านหนองหิน ให้เอาออกจากพรรค ปลดจากตำแหน่งนายบ้าน บันทึกข้อมูลการถูกลงโทษลงในประวัติสมาชิกพรรค และริบเงินสินบน 1,036 ล้านกีบ ที่ได้รับจากนายหน้าซื้อขายที่ดิน ให้ตกเป็นของรัฐ
5.นางเพ็ดจันดา จันทะมาด คณะหน่วยพรรคบ้าน รองนายบ้านไซดอนโขง ให้เอาออกจากพรรค ปลดจากตำแหน่งรองนายบ้าน บันทึกข้อมูลการถูกลงโทษลงในประวัติสมาชิกพรรค และให้ชดใช้ค่าเสียหายจากการเซ็นชื่อในใบแจ้งที่ดิน 121 ฉบับ เนื้อที่รวม 351.60 เฮกตาร์ หรือ 2,197.5 ไร่
6.ท้าวซายพอน หมื่นหลวง คณะหน่วยพรรคบ้าน รองนายบ้านหนองหิน ให้เอาออกจากพรรค ปลดจากตำแหน่งรองนายบ้าน บันทึกข้อมูลการถูกลงโทษลงในประวัติสมาชิกพรรค และให้นำเงินสินบน 1,036 ล้านกีบ ที่ได้รับจากนายหน้าซื้อขายที่ดินมาคืนแก่รัฐ
7.ท้าวกาลัง จวงถะหนอม คณะหน่วยพรรคบ้าน รองนายบ้านหนองหิน ให้เอาออกจากพรรค ปลดจากตำแหน่งรองนายบ้าน บันทึกข้อมูลการถูกลงโทษลงในประวัติสมาชิกพรรค และให้ชดใช้ค่าเสียหายจากการเซ็นชื่อในใบแจ้งที่ดิน 150 ฉบับ เนื้อที่รวม 377.60 เฮกตาร์ หรือ 2,360 ไร่
8.ท้าวคำพวน แก้วบุนเถิง คณะหน่วยพรรคบ้าน รองนายบ้านไซดอนโขง ให้เอาออกจากพรรค ปลดจากตำแหน่งรองนายบ้าน บันทึกข้อมูลการถูกลงโทษลงในประวัติสมาชิกพรรค และให้ชดใช้ค่าเสียหายจากการเซ็นชื่อในใบแจ้งที่ดิน 38 ฉบับ เนื้อที่รวม 101.60 เฮกตาร์ หรือ 635 ไร่
กลุ่มที่ 2 ผู้ถูกลงโทษทางวินัย 18 คน ประกอบด้วย
1.ท้าวพอนปะเสิด ทองสีหาวง เลขาคณะพรรครากฐาน หัวหน้าแผนกกสิกรรมและป่าไม้แขวง ให้ว่ากล่าวตักเตือน พร้อมให้เซ็นบันทึกความผิด เขียนบทสำรวจตัวเอง และให้บันทึกความผิดลงในประวัติสมาชิกพรรค
2.ท้าวลัดสะหมี วันไซ อดีตหัวหน้าแผนกทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแขวง ปัจจุบันเป็นรองคณะห้องว่าการแขวง ให้ว่ากล่าวตักเตือน พร้อมให้เซ็นบันทึกความผิด เขียนบทสำรวจตัวเอง และให้บันทึกความผิดลงในประวัติสมาชิกพรรค
3.ท้าวเพ็ดทะนงสัก คำพูนวง คณะพรรครากฐาน รองหัวหน้าแผนกกสิกรรมและป่าไม้แขวง ให้ว่ากล่าวตักเตือน พร้อมให้เซ็นบันทึกความผิด เขียนบทสำรวจตัวเอง และให้บันทึกความผิดลงในประวัติสมาชิกพรรค
4.ท้าวนิดสา เมียงลาวัน คณะพรรครากฐาน รองหัวหน้าแผนกแผนการและการลงทุนแขวง ให้ติเตียนความผิด และบันทึกความผิดไว้เป็นหลักฐาน
5.นางวิไลพอน วอละพน อดีตเลขาคณะพรรครากฐาน อดีตหัวหน้าแผนกกสิกรรมและป่าไม้แขวง ปัจจุบันเกษียณอายุ ในสังกัดกระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ ให้ส่งผลการตรวจสอบให้กระทรวงประกาศ
6.ท้าวบุนเพา มัดสาวง อดีตรองหัวหน้ากองคุ้มครองอุทยานแห่งชาติเซเปียน ปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรคสมบูรณ์ และพนักงานวิชาการ แผนกกสิกรรมและป่าไม้แขวง ให้ว่ากล่าวตักเตือน พร้อมให้เซ็นบันทึกความผิด เขียนบทสำรวจตัวเอง และให้บันทึกความผิดลงในประวัติสมาชิกพรรค
7.ท้าวสักสี คำพิลาวง สมาชิกพรรคสมบูรณ์ และพนักงานวิชาการ แผนกกสิกรรมและป่าไม้แขวง ให้ติเตียนความผิด และบันทึกความผิดไว้เป็นหลักฐาน
8.ท้าวสมนึก แก้วคำใบ คณะหน่วยพรรค รองหัวหน้าสำนักงานกสิกรรมและป่าไม้ เมืองสะหนามไซ ให้ติเตียนความผิด และบันทึกความผิดไว้เป็นหลักฐาน
9.ท้าวอุไท สีสุลาด คณะหน่วยพรรค รองหัวหน้าสำนักงานกสิกรรมและป่าไม้ เมืองสะหนามไซ ให้ติเตียนความผิด และบันทึกความผิดไว้เป็นหลักฐาน
10.ท้าวอะนุสอน คำสิง สมาชิกพรรคสมบูรณ์ และพนักงานวิชาการ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมืองสะหนามไซ ให้ติเตียนความผิด และบันทึกความผิดไว้เป็นหลักฐาน
11.ท้าวคำวิไล พาลิวัน พนักงาน สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมืองสะหนามไซ ให้ติเตียนความผิด และบันทึกความผิดไว้เป็นหลักฐาน
12.ท้าวนิลัน เนาทะวง สมาชิกพรรคสมบูรณ์ และพนักงาน สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมืองสะหนามไซ ให้ติเตียนความผิด และบันทึกความผิดไว้เป็นหลักฐาน
13.ท้าวจันสะหมอน จันทะสัก สมาชิกพรรคสมบูรณ์ และพนักงาน สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมืองสะหนามไซ ให้ติเตียนความผิด
14.ท้าวแสง อินทะวง สมาชิกพรรคสมบูรณ์ อดีตรองนายบ้านไซดอนโขง ปัจจุบันเป็นประชาชน ให้ติเตียนความผิด
15.ท้าวสีเดือน สมาชิกพรรคสมบูรณ์ อดีตรองนายบ้านไซดอนโขง ปัจจุบันเป็นประชาชน ให้ติเตียนความผิด
16.ท้าวคำสิน สอนจันมา อดีตคณะหน่วยพรรคบ้าน รองนายบ้านไซดอนโขง ให้ติเตียนความผิด
17.ท้าวกิมา วงวิคำ สมาชิกพรรคสมบูรณ์ อดีตคณะหน่วยพรรค รองนายบ้านไซดอนโขง ให้ติเตียนความผิด
18.ท้าวสมจอน อดีตรองนายบ้านหนองหิน ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว.