รอยเตอร์ - จูลี บิชอป ผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติ กล่าวต่อที่ประชุมสหประชาชาติเมื่อวันอังคาร (29) ว่าเธอได้เดินทางเยือนเมืองหลวงของพม่าและพบหารือกับผู้นำคณะรัฐบาลทหารของประเทศ และเสริมว่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพม่าต้องก้าวข้ามสิ่งที่เธอเรียกว่า “ความคิดแบบผลรวมเป็นศูนย์” เพื่อมุ่งสู่การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่ยืดเยื้อของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้
พม่าตกอยู่ในภาวะวิกฤตนับตั้งแต่ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้นำการรัฐประหารและจับกุมสมาชิกของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งภายใต้การนำของอองซานซูจีเมื่อวันที่ 1 ก.พ.2564
บิชอป อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในพม่าเมื่อเดือน เม.ย. กล่าวว่าเส้นทางสู่ความปรองดองจำเป็นต้องยุติความรุนแรง มีความรับผิดชอบ และการเข้าถึงของสหประชาชาติและกลุ่มบรรเทาทุกข์
สหประชาชาติระบุว่า ประชาชนมากกว่า 3.1 ล้านคน ต้องอพยพออกจากพื้นที่เนื่องจากสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้นระหว่างกองทัพและพันธมิตรของกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ที่รวมตัวกันอย่างหลวมๆ รวมถึงขบวนการต่อต้านติดอาวุธ ที่ตั้งขึ้นหลังจากการปราบปรามการชุมนุมประท้วงต่อต้านการรัฐประหารอย่างนองเลือดของรัฐบาลทหาร
บิชอปกล่าวถึงการเยือนพม่าครั้งนี้ที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อนว่า เธอเยือนกรุงเนปีดอและได้พบหารือกับ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย และเธอระบุว่าจะเดินทางกลับไปอีก โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพบหารือดังกล่าว และไม่ชัดเจนว่าการพบหารือเกิดขึ้นเมื่อใด
บิชอปยังกล่าวว่าเธอได้พบกับพรรคของซูจี รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ และองค์กรติดอาวุธกลุ่มชาติพันธุ์ รวมถึงกลุ่มอื่นๆ และเธอยังคงเป็นกลางในการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
“ฉันตั้งใจที่จะเข้าใจมุมมองที่แตกต่างและมักจะขัดแย้งกัน ผ่านบทบาทของตนเอง เพื่อที่จะสามารถสนับสนุนการประสานงานที่มากขึ้นกับความพยายามในระดับภูมิภาคและระดับโลกเพื่ออำนวยความสะดวกต่อการแก้ปัญหาที่ได้ตกลงไว้” บิชอป กล่าว
“บรรดาผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพม่าต้องก้าวข้ามความคิดแบบผลรวมเป็นศูนย์ ปัจจุบันอาจมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยในการตอบสนองความต้องการความต้องการของประชาชน แต่ขณะเดียวกันความขัดแย้งก็ยังคงเกิดขึ้นทั่วประเทศ” บิชอป กล่าว.