รอยเตอร์ - เวียดนามวางแผนที่จะจัดหาเงินทุนสร้างทางรถไฟความเร็วสูงมูลค่า 67,000 ล้านดอลลาร์ด้วยตัวเอง ในการแสดงให้เห็นถึงความไม่เต็มใจของประเทศที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์แห่งนี้ที่จะรับเงินกู้จากต่างประเทศ แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญบางคนจะกล่าวว่าเป้าหมายดังกล่าวไม่น่าเป็นจริงได้ก็ตาม
โครงการทางรถไฟจากกรุงฮานอย เมืองหลวง ไปยังนครโฮจิมินห์ ศูนย์กลางธุรกิจทางภาคใต้ จะเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ที่มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อปีสำหรับงบประมาณรัฐที่ประมาณ 5,600 ล้านดอลลาร์ สำหรับระยะเวลา 12 ปี ตามการระบุของกระทรวงคมนาคม
“ด้วยจิตวิญญาณแห่งความเป็นอิสระและพึ่งพาตนเอง โปลิตบูโรได้ตัดสินใจที่จะไม่พึ่งพาต่างประเทศ ในการจัดหาทุนสำหรับโครงการทางรถไฟระยะทาง 1,541 กิโลเมตร” สื่อของรัฐรายงานอ้างคำกล่าวของรัฐมนตรีช่วยกระทรวงคมนาคม
โครงการทางรถไฟที่จะวิ่งด้วยความเร็ว 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2578 แหล่งทุนจะมาจากรายได้รัฐ และหากจำเป็นจะมาจากการออกพันธบัตรรัฐบาล ส่วนเงินกู้ต่างประเทศภายใต้เงื่อนไขผ่อนปรนจะได้รับการพิจารณาต่อเมื่อพบว่าทุนไม่เพียงพอเท่านั้น รัฐมนตรีช่วยกระทรวงคมนาคมระบุ
เวียดนามมีหนี้สาธารณะค่อนข้างต่ำที่ 37% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เมื่อปีก่อน และลงทุนน้อยกว่าที่วางแผนไว้ โดยขาดไป 19,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1 ใน 4 ของการใช้จ่ายการลงทุนสาธารณะที่คาดการณ์ไว้ ระหว่างปี 2564-2566 ตามข้อมูลของกระทรวงการคลัง
เวียดนามลังเลที่จะใช้ความช่วยเหลือจากต่างประเทศ เนื่องจากสูญเสียเงินทุนช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาหลายพันล้านดอลลาร์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางความล่าช้าของฝ่ายบริหาร การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันในวงกว้าง และความกลัวว่าจะติดในกับดักหนี้
รัฐมนตรีช่วยกระทรวงคมนาคมกล่าวว่าเงินทุนสำหรับโครงการทางรถไฟถูกออกแบบมาในลักษณะที่ตั้งใจจะหลีกเลี่ยงกับดักหนี้
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานกล่าวว่าเวียดนามอาจประสบปัญหาในการสร้างโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้ด้วยตัวเอง
การใช้จ่ายภาครัฐมูลค่า 5,600 ล้านดอลลาร์ต่อปีสำหรับโครงการทางรถไฟ จะเทียบเท่ากับ 1.3% ของ GDP ปี 2566 ของประเทศ และคิดเป็นประมาณ 1 ใน 5 ของการใช้จ่ายงงบประมาณโดยรวมสำหรับปีนี้
“ในทางทฤษฎีแล้วเป็นไปได้ แต่ไม่น่าเป็นเรื่องจริง” ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างประเทศ ที่ประจำอยู่ในเวียดนาม กล่าว โดยอ้างถึงแผนการใช้เงินทุนจากภาครัฐเพียงอย่างเดียว
ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐานคนที่ 2 กล่าวว่าต้นทุนจะสูง ที่ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของโครงการโดยไม่มีการสนับสนุนจากต่างประเทศ
ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เวียดนามใช้งบประมาณรัฐราว 20% ไปกับโครงสร้างพื้นฐาน โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการถนนในชนบท ตามข้อมูลของธนาคารโลก
“การตัดสินใจใช้แนวทางการหาทุนด้วยตนเองนั้น เป็นการแสวงหาแนวทางสมดุลในเวทีการเมือง รวมกับความสำคัญของการปกครองส่วนกลาง ความเป็นอิสระ และเสรีภาพ” เหวียน หุ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์ จากมหาวิทยาลัย RMIT Vietnam กล่าว
แต่เขาเสริมว่าเขาคาดว่าในท้ายที่สุดเวียดนามจะแสวงหาเงินกู้ เงินทุน และเทคโนโลยีจากจีน ญี่ปุ่น เยอรมนี และพันธมิตรอื่นๆ.
