รอยเตอร์ - สภาแห่งชาติเวียดนามอนุมัติการปรับตำแหน่งบุคลากรระดับสูงอีกครั้งในรัฐบาลของประเทศ และเตรียมเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ในเดือน ต.ค.นี้ ที่นับเป็นครั้งที่ 3 ในรอบไม่ถึง 2 ปี
เวียดนามที่ก่อนหน้านี้มีชื่อเสียงในเรื่องของเสถียรภาพทางการเมือง ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งระดับสูงมาแล้วหลายครั้งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และล่าสุดเกิดขึ้นในเดือน ส.ค. ในการแต่งตั้งประธานาธิบดีโต เลิม ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทรงอำนาจมากที่สุดในประเทศ
ในวันจันทร์ (26) เลขาธิการสภาแห่งชาติกล่าวว่า สภาจะเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ในเดือน ต.ค. ระหว่างการประชุมสมัยสามัญ ที่เป็นการยุติการคาดเดาเกี่ยวกับว่าประธานาธิบดีโต เลิม จะสละตำแหน่งประธานาธิบดีหรือไม่และเมื่อใด
คำกล่าวของเลขาธิการสภามีขึ้นในช่วงท้ายของการประชุมวิสามัญของสมาชิกสภาที่รวมตัวกันในกรุงฮานอยเพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นด้านบุคลากร
ในที่ประชุม สภายังได้แต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรีใหม่ 3 คน รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมคนใหม่ และรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมคนใหม่ โดยถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญหลังจากรองนายกรัฐมนตรี 2 คนพ้นจากตำแหน่ง โดย 1 ในนั้นถูกพรรคลงโทษทางวินัย
สำหรับรองนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่ได้รับการอนุมัติจากสภา ที่โดยปกติแล้วเป็นการยืนยันการตัดสินใจของพรรคที่ได้พิจารณาไว้ก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย บุ่ย แถ่ง เซิน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ โห่ ดึ๊ก เฟิก รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และเหวียน ฮว่า บิ่ง ประธานศาลประชาชนสูงสุดเวียดนาม
ส่วนรองนายกรัฐมนตรี 2 คน ที่จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการ คือ เล มีง ค้าย ที่ถูกโปลิตบูโรลงโทษทางวินัยในเดือนนี้จากการละเมิดกฎของพรรค และเจิ่น ลือ กวาง ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะกรรมการเศรษฐกิจกลางของพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อสัปดาห์ก่อน
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดี 2 คนของประเทศ และประธานสภาแห่งชาติ ได้ก้าวลงจากตำแหน่งจากข้อกล่าวหาว่ากระทำผิด และเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายร้อยคนพ้นจากตำแหน่ง รวมถึงสมาชิกโปลิตบูโร ท่ามกลางการรณรงค์ต่อต้านการทุจริตครั้งใหญ่ ที่นักวิจารณ์ระบุว่ากลุ่มต่างๆ ของพรรคใช้เป็นเครื่องมือในการกำจัดคู่แข่ง
ทั้งนี้ จากการแต่งตั้งล่าสุด ทำให้ประเทศมีรองนายกรัฐมนตรี 5 คน ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีฝ่าม มีง จีง
สภาแห่งชาติยังแต่งตั้ง เหวียน หาย นีง เป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม และโด๋ ดึ๊ก สวี เป็นรัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อม โดยทั้งคู่เคยเป็นหัวหน้าพรรคประจำจังหวัด.