xs
xsm
sm
md
lg

จีนลุยจับคอลเซ็นเตอร์สามเหลี่ยมทองคำ 771 คน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ตำรวจจีน-ลาว สนธิกำลังรวม 205 นาย ก่อนบุกจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ
MGR Online - ตำรวจจีนไม่รอเส้นตายที่ตำรวจลาวเคยขีดไว้ให้ถึง 25 สิงหาคม สนธิกำลัง 205 นาย บุกจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในสามเหลี่ยมทองคำ ได้ผู้ต้องหาอีก 771 คน 15 สัญชาติ ส่วนใหญ่เป็นชาวเอเชียกับแอฟริกา

วานนี้ (20 ส.ค.) หนังสือพิมพ์ "ความสะหงบ" สื่อในสังกัดกระทรวงความสะหงบ (กระทรวงมหาดไทย) ของลาว มีรายงานการบุกจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำอีกครั้ง ได้ผู้ต้องหาเป็นจำนวนมาก และหลากหลายสัญชาติ มีทั้งชาวเอเชีย แอฟริกา อเมริกาใต้ และยุโรปตะวันออก

ปฏิบัติการบุกจับกุมครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างตำรวจจีนและลาว ซึ่งสนธิกำลังเจ้าหน้าที่รวม 205 นาย บุกจู่โจมฐานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 3 จุด เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2567 ได้ผู้ต้องหารวม 771 คน เป็นเพศหญิง 282 คน แยกเป็นคนสัญชาติต่างๆ รวม 15 สัญชาติ ประกอบด้วย ลาว 275 คน พม่า 231 คน จีน 106 คน ฟิลิปปินส์ 73 คน อินเดีย 29 คน อินโดนิเซีย 20 คน โมซัมบิก 6 คน เอธิโอเปีย 11 คน ยูกันดา 6 คน เวียดนาม 5 คน ตูนิเซีย 4 คน รวันดา 2 คน โคลัมเบีย 1 คน จอร์เจีย 1 คน และบุรุนดีอีก 1 คน

นอกจากนี้ ยังสามารถยึดของกลางที่กลุ่มคนเหล่านี้ใช้ในการประกอบอาชญากรรมฉ้อโกงผ่านระบบออนไลน์ได้อีกหลายรายการ ประกอบด้วย คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 709 ชุด โน้ตบุ๊ก 28 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 1,896 เครื่อง ไอแพด 2 เครื่อง และยูเอสบี 10 ชิ้น

ส่วนหนึ่งของผู้ต้องหาและของกลางที่ยึดได้
ตามรายงานของ "ความสะหงบ" ผู้ต้องหาที่เป็นชาวลาวได้ถูกนำตัวไปทำบทบันทึก อบรม ว่ากล่าวตักเตือน และให้ญาติมาเซ็นชื่อรับประกันพฤติกรรม ก่อนส่งตัวกลับภูมิลำเนา ส่วนผู้ต้องหาคนจีนได้ถูกส่งตัวกลับไปดำเนินคดีและรับโทษในจีนเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา ผ่านด่านชายแดนบ่อเต็น-บ่อหาน ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นคนสัญชาติอื่น ได้มอบให้เจ้าหน้าที่สถานทูตของแต่ละประเทศนำตัวกลับไปยังประเทศของตน

การบุกจู่โจมจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ครั้งนี้ เกิดขึ้นก่อนเส้นตายที่กระทรวงความสะหงบของลาวเคยขีดไว้ว่าจะให้เวลาองค์กรที่มีพฤติกรรมเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ต้องหยุดพฤติกรรมเหล่านี้โดยสิ้นเชิงภายในวันที่ 25 สิงหาคม 2567

เส้นตายดังกล่าวถูกระบุไว้โดย พลจัตวาวันทอน สุลิสัก รองหัวหน้ากรมใหญ่ตำรวจ กระทรวงป้องกันความสะหงบ ซึ่งกล่าวไว้ในการประชุมวาระพิเศษเรื่อง "การกวาดล้างอาชญากรรมฉ้อโกงผ่านระบบโทรคมนาคม (Call Center) ข้ามชาติภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ" เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2567 ซึ่งมีนายทองจัน มะนีไซ เจ้าแขวงบ่อแก้ว คนใหม่ และนายเจ้าเหว่ย ประธานคณะกรรมการบริหาร เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ร่วมเป็นประธาน


ในการประชุมครั้งนั้น พลจัตวาวันทอน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ป้องกันความสะหงบจะเป็นเจ้าภาพประสานความร่วมมือกับทุกหน่วยงานเพื่อกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไปจากเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ โดยกำหนดเป้าหมายไว้ว่า

1.ตั้งแต่วันที่ 9-25 สิงหาคม 2567 ทุกกิจการภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำที่มีพฤติกรรมเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต้องหยุดพฤติกรรมเหล่านั้นอย่างเด็ดขาด โดยเจ้าหน้าที่จะเข้ายึดและรื้อถอนอุปกรณ์ที่ใช้ก่ออาชญากรรมฉ้อโกงผ่านระบบโทรคมนาคมออกจากอาคารที่ถูกใช้เป็นสำนักงานทั้งหมด

2.เจ้าของกิจการทุกแห่งมีภาระที่ต้องรับผิดชอบในการจ่ายเงินค่าแรงให้ลูกจ้างที่ถูกนำมาทำหน้าที่คอลเซ็นเตอร์ รวมถึงอำนวยความสะดวกและออกค่าใช้จ่ายให้ลูกจ้างเหล่านั้นได้เดินทางกลับประเทศของแต่ละคน โดยเจ้าหน้าที่จะเฝ้าติดตามพฤติกรรมของเจ้าของกิจการทุกรายอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการหลบหนี

3.หลังจากวันที่ 25 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป จะตั้งคณะเฉพาะกิจประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ป้องกันความสะหงบและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำหน้าที่ตรวจตราและจับกุมกิจการซึ่งยังฝ่าฝืนทำพฤติกรรมเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่อ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

แต่หลังจากผ่านการประชุมวาระพิเศษดังกล่าวไปเพียง 3 วัน เจ้าหน้าที่จีนและลาวได้เปิดปฏิบัติการจู่โจมจับกุมจนได้ผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ถึง 771 คน ในวันที่ 12 สิงหาคม 2567.





ผู้ต้องหาที่เป็นชาวจีนถูกส่งตัวกลับไปดำเนินคดีผ่านด่านชายแดนบ่อเต็น-บ่อหาน






กำลังโหลดความคิดเห็น