รอยเตอร์ - สหรัฐฯ และเวียดนามกำลังหารือเรื่องการขายเครื่องบินขนส่งทางทหาร ล็อกฮีด มาร์ติน ซี-130 เฮอร์คิวลิส ให้ฮานอย ตามการเปิดเผยของแหล่งข่าว 2 รายที่ทราบเรื่องการหารือดังกล่าว ความเคลื่อนไหวที่ถือเป็นสัญญาณของความร่วมมือด้านความมั่นคงที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นระหว่างสองประเทศที่เคยเป็นศัตรูกัน
แหล่งข่าวระบุว่า การเจรจาดังกล่าวอาจนำไปสู่ข้อตกลงการจัดหาในปีนี้ ในสิ่งที่จะเป็นตัวแทนของข้อตกลงทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดของเวียดนามนับตั้งแต่เวียดนามกล่าวในปลายปี 2565 ว่ามีความตั้งใจที่จะกระจายแหล่งอาวุธยุทโธปกรณ์ของตนที่พึ่งพารัสเซียอย่างหนักมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ
เครื่องบิน C-130 สามารถบรรทุกทหาร อุปกรณ์ทางทหาร และเสบียงอื่นๆ และจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านการป้องกันของเวียดนามในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดบริเวณเขตแดนทะเลจีนใต้กับจีนและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเพิ่มสูงขึ้น
สหรัฐฯ สามารถเสนอการสนับสนุนทางการเงินให้ฮานอยโดยเป็นส่วนหนึ่งของการขาย หนึ่งในแหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่า ความช่วยเหลือดังกล่าวอาจมีมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์ที่ครอบคลุมการบำรุงรักษาและค่าใช้จ่ายอื่นๆ
แหล่งข่าวอีกรายกล่าวว่า เครื่องบินรุ่นที่กำลังพิจารณาคือ C-130J
อย่างไรก็ตาม ไม่มีแหล่งข่าวใดระบุถึงต้นทุนรวมของข้อตกลงที่อาจเกิดขึ้นและจำนวนเครื่องบินที่กำลังหารือ ทั้งนี้ แหล่งข่าวทั้งคู่ปฏิเสธที่จะให้ชื่อเนื่องจากการเจรจาไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ
การเจรจาหารือเกี่ยวกับการจัดหาอาวุธของสหรัฐฯ ให้เวียดนามยังอยู่ระหว่างการดำเนินการอีกเป็นเวลาหลายเดือน ก่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในผู้นำเวียดนาม ที่ผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์กล่าวว่า ไม่ควรเปลี่ยนท่าทีของประเทศในด้านกิจการต่างประเทศและเศรษฐกิจ
การหารือดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ ที่จะเพิ่มการมีอิทธิพลกับฮานอย ที่เป็นเวลาเกือบครึ่งศตวรรษหลังจากสิ้นสุดสงครามเวียดนาม
นับตั้งแต่มีมาตรการคว่ำบาตรด้านอาวุธในปี 2559 การส่งออกด้านการป้องกันของสหรัฐฯ ไปยังเวียดนามส่วนใหญ่ถูกจำกัดอยู่เพียงเรือยามฝั่งและเครื่องบินฝึกเท่านั้น ด้วยข้อกังวลของฮานอยเกี่ยวกับต้นทุน การอนุมัติของรัฐบาลสหรัฐฯ และความเข้ากันได้กับอุปกรณ์ที่มีอยู่เดิม
รอยเตอร์เคยรายงานว่าตำรวจเวียดนามกำลังมองหาการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ที่ผลิตในสหรัฐฯ และกระทรวงกลาโหมได้พิจารณาเครื่องบินสหรัฐฯ แบบต่างๆ รวมถึงเครื่องบินขับไล่ F-16
เจ้าหน้าที่เวียดนามยืนยันถึงการหารือเรื่อง F-16 ที่ผลิตโดยบริษัทล็อกฮีด มาร์ตินเช่นกัน แต่ระบุว่าการเจรจาเหล่านั้นคืบหน้าไม่มาก เนื่องจากเครื่องบินรบของสหรัฐฯ ถูกมองว่ามีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของเวียดนามกับประเทศอื่นๆ เช่นจีน
เจ้าหน้าที่ระบุว่า เครื่องบิน C-130 มีความอ่อนไหวน้อยกว่า เนื่องจากอาจถูกมองว่าเป็นอุปกรณ์เพื่อการป้องกันและไม่ใช่เพื่อการรบ
การอนุมัติเครื่องบินรบของสภาคองเกรสสหรัฐฯ อาจมีความซับซ้อนมากกว่าเครื่องบิน C-130 เจ้าหน้าที่เวียดนามระบุ และว่าฮานอยยังมีความกังวลเกี่ยวกับว่าสหรัฐฯ จะอนุมัติการขายขีปนาวุธเพื่อติดตั้งกับเครื่อง F-16 หรือไม่
นอกจากนี้ รายงานของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ระบุถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาจทำให้การอนุมัติการถ่ายโอนอาวุธมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น.