เอเอฟพี - พันธมิตรของกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ในพม่าได้ตกลงที่จะขยายเวลาหยุดยิงกับรัฐบาลทหารในรัฐชานเหนือหลังได้รับแรงกดดันจากจีน ผู้นำของหนึ่งในกลุ่มติดอาวุธเผย
การหยุดยิงที่ขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 31 ก.ค.เกิดขึ้นหลังจากการปะทะที่สมาชิกของกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์สามารถเข้ายึดดินแดนจากกองทัพตามทางหลวงสายยุทธศาสตร์ที่มุ่งหน้าไปจีนได้
พื้นที่ดังกล่าวสั่นสะเทือนไปด้วยการสู้รบตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้วเมื่อกลุ่มที่เรียกว่าพันธมิตรสามภราดรภาพได้เริ่มโจมตีกองกำลังทหารของรัฐบาลตามถนนที่มุ่งหน้าสู่มณฑลยูนนานของจีน
พันธมิตรของกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ ที่ประกอบด้วย กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติพม่า (MNDAA) และกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง (TNLA) ได้ตกลงเบื้องต้นที่จะหยุดยิงเป็นเวลา 4 วันตั้งแต่วันที่ 14-18 ก.ค.แต่สมาชิกรายที่ 3 ของกลุ่มคือกองทัพอาระกัน (AA) ไม่เห็นด้วยกับการหยุดยิงดังกล่าว
“จีนกดดันเราอย่างหนักให้หยุดยิงทันที ทำให้เราต้องทำเพราะเลี่ยงไม่ได้” ผู้นำจาก TNLA กล่าวกับเอเอฟพี
แต่ผู้นำกลุ่มติดอาวุธเตือนว่าหากกองกำลังทหารเปิดฉากโจมตีกองกำลังของพันธมิตร หรือถ้าพวกเขายังคงทิ้งระเบิดใส่พลเรือนระหว่างการหยุดยิง พันธมิตรกลุ่มติดอาวุธก็จะโจมตีกลับ
การต่อสู้ปะทุขึ้นในพม่าหลังจากกองทัพโค่นล้มรัฐบาลของอองซานซูจีในการรัฐประหารในปี 2564
การปราบปรามดังกล่าวนำไปสู่การต่อสู้ครั้งใหม่กับกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์รวมถึงการต่อสู้กับกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) ที่สนับสนุนประชาธิปไตย
การปะทะในรัฐชานตั้งแต่เดือนก่อนได้ทำลายข้อตกลงหยุดยิงที่มีปักกิ่งเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยครั้งก่อนในเดือน ม.ค. ที่ช่วยชะลอการโจมตีของ 3 กลุ่มติดอาวุธ
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงหยุดยิงครั้งใหม่นี้ไม่ครอบคลุมถึงภาคมัณฑะเลย์ที่อยู่ติดกันซึ่งสมาชิกของพันธมิตรและฝ่ายตรงข้ามอื่นๆของกองทัพได้ต่อสู้กับกองกำลังของรัฐบาลทหารในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
จีนเป็นพันธมิตรหลักและผู้จัดหาอาวุธให้รัฐบาลทหารพม่า แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่าขณะเดียวกันจีนก็ยังคงรักษาความสัมพันธ์กับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ในพม่าที่ควบคุมดินแดนใกล้กับชายแดนของตนด้วย
พื้นที่ชายแดนของพม่าเป็นที่ตั้งของกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์จำนวนมากซึ่งหลายกลุ่มต่อสู้กับกองทัพมาตั้งแต่ประเทศได้เอกราชจากอังกฤษในปี 2491 เพื่อเรียกร้องสิทธิในการปกครองตนเองและการควบคุมทรัพยากร
บางกลุ่มให้ที่พักพิงและฝึกอบรมแก่กองกำลังพิทักษ์ประชาชนที่ลุกขึ้นต่อสู้กับทหารหลังจากเกิดการรัฐประหารในปี 2564
ทั้งนี้ เอเอฟพีไม่สามารถติดต่อโฆษกของรัฐบาลทหารเพื่อขอความคิดเห็นได้.