xs
xsm
sm
md
lg

ไร้ทางหนี! โรฮิงญาหลายหมื่นชีวิตติดกลางการสู้รบของทหารพม่ากับกองทัพอาระกันในหม่องดอ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รอยเตอร์ - ชาวมุสลิมโรฮิงญาหลายหมื่นคนคาดว่าจะติดอยู่กลางการสู้รบในพื้นที่ทางตะวันตกของพม่า ขณะที่กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์เตรียมโจมตีที่มั่นของรัฐบาลทหารในเมืองชายฝั่งทะเล ที่มีชายแดนติดกับบังกลาเทศ ซึ่งไม่เต็มใจที่จะรับกลุ่มคนเหล่านี้

กองทัพอาระกัน (AA) ที่กำลังต่อสู้เพื่อสิทธิในการปกครองตนเองในรัฐยะไข่ กล่าวเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (16) ว่า ชาวเมืองหม่องดอ (Maungdaw) ที่ส่วนใหญ่เป็นชาวโรฮิงญา ควรออกเดินทางภายในเวลา 21.00 น. ก่อนที่กองทัพอาระกันจะโจมตีพื้นที่ดังกล่าวตามแผน

การโจมตีเมืองหม่องดอของกองทัพอาระกัน ถือเป็นการโจมตีครั้งล่าสุดในการโจมตีที่ดำเนินมายาวนานหลายเดือนต่อรัฐบาลทหารพม่า ที่เข้ายึดอำนาจในการรัฐประหารเดือน ก.พ.2564 และในตอนนี้อ่อนกำลังลงมากในหลายพื้นที่ของประเทศ

“เนื่องจากความกังวลเรื่องความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยในเมืองหม่องดอ สหสันนิบาตแห่งอาระกัน/กองทัพอาระกันแนะนำให้ผู้อยู่อาศัยทุกคนอพยพออกจากเมืองหม่องดอทันที” กองทัพอาระกัน ระบุในคำแถลง

โฆษกของรัฐบาลทหารไม่ได้ตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็นจากรอยเตอร์

ชาวโรฮิงญาราว 70,000 คน ที่ในขณะนี้อยู่ในเมืองหม่องดอติดอยู่กลางการสู้รบที่ประชิดเข้ามาเรื่อยๆ อ่อง จอ โม รัฐมนตรีช่วยกระทรวงสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ระบุ

“พวกเขาไม่มีที่ให้หนีไป” อ่อง จอ โม กล่าวกับรอยเตอร์

ทางการบังกลาเทศกล่าวว่าพวกเขาไม่ทราบถึงความเคลื่อนไหวครั้งใหม่ของโรฮิงญาที่จะมุ่งหน้ามายังชายแดนของประเทศ และย้ำว่าพวกเขาจะไม่อนุญาตให้สมาชิกของชนชุมดังกล่าวข้ามเขตแดนเข้ามา

“เรามีภาระหนักมากอยู่แล้ว” เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศบังกลาเทศ กล่าว โดยขอไม่เปิดเผยชื่อเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับสื่อ

ชาวโรฮิงญาหลายพันคนหลบหนีไปยังบังกลาเทศเมื่อเดือนก่อน เพื่อแสวงหาพื้นที่ปลอดภัยจากความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้น

ความเคลื่อนไหวของพวกเขาเกิดขึ้นจากการสู้รบทั้งในและรอบเมืองบุติด่อง ที่อยู่ห่างจากเมืองหม่องดอไปทางตะวันออกราว 25 กิโลเมตร ที่ถูกกองทัพอาระกันเข้ายึดไว้ได้หลังการสู้รบอย่างดุเดือดที่กองทัพชาติพันธุ์ถูกกล่าวหาว่ามุ่งเป้าที่ชนกลุ่มน้อย แต่กองทัพอาระกันปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว

ในรายงานเดือน พ.ค. ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกล่าวว่าทั้งรัฐบาลทหารและกองทัพอาระกันล้มเหลวที่จะดำเนินมาตรการป้องกันให้เพียงพอในการปกป้องพลเรือนชาวโรฮิงญาระหว่างการสู้รบเมื่อไม่นานนี้

“ยุทธวิธีของพวกเขายังทำให้ชาวโรฮิงญาไม่สามารถหลบหนีไปหาที่หลบภัยระหว่างการสู้รบได้” คำแถลงระบุ

ชาวโรฮิงญาเผชิญกับการกดขี่ข่มเหงในพม่าที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธมานานหลายทศวรรษ พวกเขาเกือบล้านคนอาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยในเมืองค็อกซ์บาซาร์ของบังกลาเทศหลังหลบหนีการปราบปรามของทหารในรัฐยะไข่ในปี 2560.
กำลังโหลดความคิดเห็น