เอเอฟพี - กลุ่มนักสิ่งแวดล้อมชาวกัมพูชาสวมชุดไว้ทุกข์ประท้วงการพิจารณาคดีที่พวกเขาถูกตั้งข้อหาวางแผนโค่นล้มรัฐบาล ในการปราบปรามทางกฎหมายครั้งล่าสุดต่อนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศ
นักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม 10 คนจาก Mother Nature หนึ่งในกลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมที่เหลืออยู่ไม่มากของกัมพูชา กำลังเผชิญกับโทษจำคุก 5-10 ปี หากถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีดังกล่าว ที่รายละเอียดของคดีไม่ชัดเจน
รายงานระบุว่า นักเคลื่อนไหว 5 คน ได้สวมชุดไว้ทุกข์สีขาว รวมตัวกันอยู่ที่แผงกั้นด้านนอกศาล ขณะที่การพิจารณาคดีเริ่มขึ้นอีกครั้งในวันพุธ (5) โดยพวกเขาทั้ง 5 ปฏิเสธที่จะเข้ารับฟังการพิจารณาคดี หลังจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่ให้นักข่าวและผู้สนับสนุนของพวกเขาเข้าร่วมติดตามรับฟังการพิจารณาคดีดังกล่าวด้วย
“เราไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย เราเป็นเพียงเยาวชนกัมพูชาที่รักทรัพยากรธรรมชาติ” หนึ่งในนักเคลื่อนไหวที่ถูกตั้งข้อหา กล่าวกับผู้สื่อข่าว
“ข้อหาที่กล่าวหาพวกเรานั้นรุนแรงเกินไป เป็นข้อกล่าวหาทางอาญาที่อาจทำให้เราต้องติดคุกนาน 5-10 ปี” นักเคลื่อนไหวระบุ
ส่วนจำเลยอีก 5 คน ไม่ได้มาศาล
การต่อสู้กันระหว่างฝ่ายที่ต้องการปกป้องหรือใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติของกัมพูชา เป็นประเด็นปัญหามายาวนานในประเทศ โดยนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมักถูกข่มขู่ ถูกจับกุม และกระทั่งถูกฆ่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
การพิจารณาคดีที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 29 พ.ค. เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของ Mother Nature ระหว่างปี 2555-2564 โดยกลุ่มได้ยกประเด็นปัญหาเรื่องการถมทะเลสาบในกรุงพนมเปญ การตัดไม้อย่างผิดกฎหมาย และการทำลายทรัพยากรธรรมชาติทั่วประเทศ
“เราเห็นว่าผู้พิทักษ์ป่า ผู้ที่ปกป้องที่ดินของพวกเขา ผู้ที่ปกป้องสิ่งแวดล้อมกำลังถูกดำเนินคดี เป็นเรื่องน่าอายอย่างมากสำหรับระบบตุลาการในกัมพูชา” ลอง กุนเธีย นักเคลื่อนไหว กล่าวที่ด้านนอกศาล
อเลฮานโดร กอนซาเลซ-เดวิดสัน ผู้ร่วมก่อตั้ง Mother Nature เป็นหนึ่งในจำเลย 10 คน แต่ถูกเนรเทศออกจากกัมพูชาในปี 2558 หลังจากที่เขาวิพากษ์วิจารณ์แผนการของรัฐบาลเกี่ยวกับการสร้างเขื่อน
กอนซาเลซ-เดวิดสัน และจำเลยอีก 2 คน ยังถูกตั้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่อาจได้รับโทษจำคุก 1-5 ปี
ก่อนหน้านี้ มีนักเคลื่อนไหว 3 คน ถูกจำคุกฐานจัดการเดินขบวนอย่างสงบประท้วงการถมทะเลสาบในเมืองหลวงเพื่อจัดสรรที่ดินสำหรับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ตั้งแต่ปี 2544-2558 หนึ่งใน 3 ของป่าปฐมภูมิของกัมพูชา ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพและเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนที่สำคัญถูกแผ้วถาง และพื้นที่สูญเสียต้นไม้ปกคลุมเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่อื่นๆ ในโลก ตามการระบุของสถาบันทรัพยากรโลก
ผืนป่าที่ถูกแผ้วถางส่วนใหญ่ถูกมอบให้ธุรกิจที่ได้รับที่ดินสัมปทานทางเศรษฐกิจ โครงการที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าผลักดันให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่าและการทำลายทรัพย์สินของประเทศ.