รอยเตอร์ - นักลงทุนต่างชาติลดการถือครองหลักทรัพย์ของตนในตลาดหุ้นหลักของเวียดนามลงเกือบ 2,000 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ต้นปี 2566 แม้ตลาดจะมีผลงานเป็นบวกก็ตาม โดยการไหลออกครั้งใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาที่เกิดความวุ่นวายทางการเมือง
เวียดนามที่ปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ตกอยู่ภายใต้ความวุ่นวายทางการเมืองอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยมีเจ้าหน้าที่และนักธุรกิจหลายพันคนถูกดำเนินคดีภายใต้การปราบปรามการทุจริตอย่างกว้างขวาง ที่นำไปสู่การลาออกของประธานาธิบดี 2 คน และประธานสมัชชาแห่งชาติ
การต่อสู้ภายในทำให้ฝ่ายบริหารทำงานเชื่องช้า ชะลอการอนุมัติโครงการต่างๆ และเงินหลายพันล้านดอลลาร์ในกองทุนสาธารณะและต่างประเทศ ทำให้เกิดความกระวนกระวายใจในหมู่นักลงทุนต่างชาติที่มีความวิตกกังวลอยู่แล้วเกี่ยวกับผลกระทบของการหยุดชะงักของการจ่ายไฟ
ทั้งนี้ ไม่มีที่ใดที่ความกังวลของชาวต่างชาติจะแสดงให้เห็นได้ชัดเจนไปกว่าตลาดหุ้นโฮจิมินห์ ที่เป็นแหล่งซื้อขายใหญ่ที่สุดของประเทศ
แม้ตลาดมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ จะเพิ่มสูงขึ้น 22% ตั้งแต่ต้นปี 2566 แต่นักลงทุนต่างชาติก็ลดการลงทุนในตลาดหุ้น โดยขายหุ้น กองทุน และพันธบัตร รวมมูลค่าราว 2,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกัน
ข้อมูลระบุว่าครึ่งหนึ่งของการเทออกเกิดขึ้นในปีนี้ ที่การขายออกมีมากกว่าการซื้อในระยะเวลา 17 สัปดาห์ จากทั้งหมด 20 สัปดาห์จนถึงขณะนี้ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่มีข่าวร้ายทางการเมือง
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นมูลค่า 4.7 ล้านล้านด่ง (184.7 ล้านดอลลาร์) ในสัปดาห์ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. ที่เป็นสัปดาห์ที่เลวร้ายที่สุดจนถึงขณะนี้ของปี ซึ่งเกิดขึ้นไม่นานหลังจากประธานาธิบดีหวอ วัน เถือง ลาออกในวันที่ 20 มี.ค. ที่พรรคกล่าวหาว่าเขากระทำความผิดโดยไม่ได้ระบุรายละเอียด
ส่วนสัปดาห์การลาออกของเถือง เป็นสัปดาห์ที่เลวร้ายที่สุดอันดับที่ 2 โดยยอดขายสุทธิรวมอยู่ที่ 3.18 ล้านล้านด่ง และอันดับที่ 3 คือเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่กระแสเงินไหลออกมีมูลค่าถึง 3.14 ล้านล้านด่ง หลังการลาออกของ เวือง ดิ่ง เหวะ ประธานสมัชชาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 26 เม.ย.
“การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองดูเหมือนจะไม่รบกวนนักลงทุนท้องถิ่น แต่ผมรู้สึกว่ามีผลกระทบต่อนักลงทุนต่างชาติ” เจ้าหน้าที่จากกองทุน Pyn Elite Fund กล่าว
แม้จะมีความโกลาหลวุ่นวาย แต่คำมั่นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ที่ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนด้านอุตสาหกรรม ยังคงอยู่ในระดับสูงในปีนี้ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากบริษัทของจีน ตามข้อมูลของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ที่ปรึกษาต่างประเทศในเวียดนามระบุว่าการลงทุนด้านการผลิตมักตัดสินใจล่วงหน้าหลายเดือนหรือหลายปี และผลกระทบจากสถานการณ์ล่าสุดอาจมองเห็นในระยะยาวเท่านั้น.