กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์เผยกองทัพพม่าหันมาใช้โดรนจากจีนโจมตีฝ่ายตรงข้ามมากขึ้น

MGR ออนไลน์ - กองทัพพม่ากำลังเพิ่มโดรนเทคโนโลยีขั้นสูงจากจีนเข้าคลังแสง และใช้โดรนเหล่านี้โจมตีศัตรูที่ให้ผลทำลายล้างมากขึ้น กลุ่มติดอาวุธระบุ

จากการสอบสวนเมื่อไม่นานนี้โดยสำนักข่าววิทยุเอเชียเสรีภาคภาษาพม่า พบว่า กองทัพพม่ากำลังใช้โดรนที่ผลิตในจีน ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงติดตั้งกล้องพิเศษที่ช่วยให้ผู้ควบคุมสามารถสังเกตเห็นเป้าหมายได้อย่างชัดเจน

เจ้าหน้าที่ของทีมโดรนโจมตีเขตมยินจานต่อต้านรัฐบาลทหารระบุว่า เป็นโดรน CH-2 และ CH-4 รวมทั้งโดรน 6 ใบพัด ที่สามารถบินขึ้นและลงจอดในแนวตั้งได้

“คุณภาพของอุปกรณ์ของพวกเขาได้รับการปรับปรุง และความเสียหายที่เกิดขึ้นจากโดรนก็เพิ่มขึ้นด้วย กองทัพกำลังใช้วิธีการขั้นสูง” เจ้าหน้าที่คนเดิมกล่าว โดยขอไม่เปิดเผยชื่อเนื่องจากข้อกังวลด้านความปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม กลุ่มติดอาวุธยังคงใช้โดรนเพื่อต่อสู้กับกองกำลังทหารเช่นกัน

นับตั้งแต่กองทัพยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยในการรัฐประหารเดือน ก.พ.2564 และเริ่มปฏิบัติการโจมตีทั่วประเทศเพื่อรวมอำนาจ กองกำลังแบบกองโจรได้นำโดรนมาใช้ เพื่อยกระดับการต่อสู้ต่อต้านการโจมตีทางอากาศและการโจมตีด้วยปืนใหญ่

ในบทความที่วิทยุเอเชียเสรีนำออกเผยแพร่เมื่อต้นเดือนนี้ แซคารี อาบูซา ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยการสงครามแห่งชาติในวอชิงตัน ตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ หรือ NUG และกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์พม่าดัดแปลงโดรนทั่วไป และโดรนทางการเกษตรที่ให้ประสิทธิภาพที่น่าทึ่ง รวมถึงในการโจมตีที่อ้างว่าทำให้ พล.อ.โซ วิน ผู้นำหมายเลข 2 ของพม่า ได้รับบาดเจ็บ

อาบูซา ยังกล่าวว่า เนื่องจากกองทัพพม่าประสบปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนอะไหล่ และการใช้งานกองทัพอากาศมากเกินไป ทำให้เครื่องบินหลายลำตก กองทัพจึงกำลังมองหาโดรนติดอาวุธเพื่อเสริมกำลังทางอากาศของตน

“และจากหลักฐานปรากฏว่ากองทัพกำลังใช้โดรนแทนการใช้กระสุนปืนครก” อาบูซา กล่าว

ตามข้อมูลที่วิทยุเอเชียเสรีรวบรวมได้พบว่า ใน 4 เดือนแรกของปี 2567 การโจมตีด้วยโดรนของรัฐบาลทหารได้คร่าชีวิตผู้คนไป 8 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 26 คน ในรัฐชิน รัฐยะไข่ รัฐกะเหรี่ยง และรัฐชาน รวมถึงในภูมิภาคสะกาย

จากผู้เสียชีวิต 8 คน มี 3 คนเป็นสมาชิกของกองกำลังต่อต้านรัฐบาลทหารในพื้นที่ ขณะที่อีก 5 คนที่เหลือ รวมทั้งเด็ก 1 คน เป็นพลเรือน ส่วนผู้บาดเจ็บ 26 คน เป็นพลเรือนทั้งหมด

ในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี 2566 การโจมตีด้วยโดรนของรัฐบาลทหารทำให้พลเรือนได้รับบาดเจ็บ 4 คน รวมทั้งเด็ก 1 คน ในรัฐยะไข่ และรัฐกะยา ข้อมูลระบุ

สื่อที่สนับสนุนรัฐบาลทหารที่มีสำนักงานอยู่ในกรุงเนปีดอ รายงานเมื่อวันที่ 25 เม.ย. ว่ากองทัพได้ส่งโดรน CH-4 ที่ผลิตในจีน ปฏิบัติการโจมตีเพื่อยึดคืนเมืองกอกะเร็ก เมืองติงกะหยิงหย่อง และเมืองเมียวดี ของรัฐกะเหรี่ยง

ในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 4 พ.ค. ระบุว่ารัฐบาลทหารได้จัดตั้งกองกำลังโดรนอย่างเป็นทางการ และได้รับการฝึกอบรบด้านเทคนิคจากรัสเซีย อินเดีย และจีน

โดรน CH-4 ที่ผลิตขึ้นครั้งแรกในปี 2556 ติดตั้งขีปนาวุธและสามารถนำไปใช้ในภารกิจลาดตระเวนและการรบได้ครั้งละหลายชั่วโมง เซ ทู อ่อง ที่ออกจากกองทัพอากาศพม่าเพื่อเข้าร่วมขบวนการอารยขัดขืนคว่ำบาตรรัฐบาลทหาร กล่าว

แต่โดรน CH-4 มีข้อเสีย อดีตนายทหารที่ในเวลานี้ให้คำแนะนำแก่กองกำลังต่อต้านรัฐบาล กล่าวเสริม

“มันมีขนาดใหญ่และต้องใช้รันเวย์ กองทัพไม่ค่อยใช้โดรนนี้ ส่วนใหญ่พวกเขาใช้โดรนแบบเดียวกับที่กองกำลังติดอาวุธใช้ เพราะไม่จำเป็นต้องใช้รันเวย์และสามารถขนย้ายได้ง่าย” เซ ทู อ่อง กล่าว

วิทยุเอเชียเสรีพยายามติดต่อโฆษกรัฐบาลทหารเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้โดรนของกองทัพแต่ไม่ได้รับคำตอบ

ด้านรองประธานกองกำลังป้องกันแห่งชาติชาติพันธุ์ชิน กล่าวว่า “กองทัพมีโดรนโจมตี แต่ส่วนใหญ่ใช้เพื่อการลาดตระเวน พวกเขาไม่ได้ติดตั้งระเบิด แต่เพิ่งเริ่มใช้เมื่อไม่นานนี้”

เขากล่าวว่าขณะนี้กองทัพได้ส่งโดรนทำการโจมตีทางอากาศแบบจำกัด เพื่อเสริมกำลังให้กับกองกำลังภาคพื้น

สมาชิก 3 คนของกองกำลังป้องกันชาติพันธุ์ชินแลนด์ เสียชีวิตจากการโจมตีด้วยโดรนของรัฐบาลทหาร ระหว่างการสู้รบในเมืองเตดิม เมืองเอกของรัฐชิน และที่เมืองกะเล ในภูมิภาคสะกาย เมื่อวันที่ 27 เม.ย.

ในการโจมตีทั้งสองครั้ง กองกำลังทหารของรัฐก็เผชิญกับความสูญเสียจากโดรนของฝ่ายกลุ่มติดอาวุธด้วย

อดีตเจ้าหน้าที่ทหารรายหนึ่งที่ปฏิเสธจะเปิดเผยชื่อกล่าวกับวิทยุเอเชียเสรีว่า เนื่องจากจำนวนโดรนที่ใช้โดยทั้งกองทัพและกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์เพิ่มขึ้น และเทคโนโลยีที่ดีขึ้น ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตและขอบเขตของความเสียหายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

“ในตอนนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างมีผู้เสียชีวิต แต่ชัยชนะจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการยืนหยัดอดทนต่อสู้ของพวกเขา” อดีตนายทหาร กล่าว.