รอยเตอร์ - การสู้รบบริเวณชายแดนด้านตะวันออกของพม่าติดกับไทยยังคงดุเดือดในวันเสาร์ (20) ตามการระบุของผู้เห็นเหตุการณ์และรัฐบาลไทย ที่ส่งผลให้พลเรือนเกือบ 1,700 คน ต้องอพยพหลบหนี ขณะที่กองกำลังกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์กดดันให้กองกำลังทหารของรัฐบาลออกจากที่หลบซ่อนบริเวณสะพานข้ามแดน
กองกำลังของฝ่ายต่อต้านและกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ได้ยึดเมืองเมียวดี เมืองการค้าสำคัญที่ชายแดนฝั่งพม่าเมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่นับเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ต่อกองทัพที่กำลังดิ้นรนในการปกครองและเผชิญกับบททดสอบความน่าเชื่อถือในสนามรบ
ผู้เห็นเหตุการณ์ในฝั่งไทยและพม่ากล่าวว่าพวกเขาได้ยินเสียงระเบิดและเสียงยิงปืนกลหนักใกล้กับสะพานมิตรภาพตั้งแต่คืนวันศุกร์ถึงเช้าวันเสาร์
สถานีโทรทัศน์ NBT โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) หรือทวิตเตอร์ว่า กองกำลังต่อต้านใช้ปืนกล 40 มม. และทิ้งระเบิด 20 ลูกจากโดรนไปที่เป้าหมายทหารของรัฐบาลราว 200 นาย ที่ล่าถอยจากการโจมตีเมืองเมียวดีและค่ายทหารของกลุ่มติดอาวุธตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย.
ทั้งนี้ รอยเตอร์ไม่สามารถตรวจสอบรายงานดังกล่าวได้ในทันที และโฆษกของรัฐบาลทหารพม่าไม่สามารถติดต่อเพื่อขอความคิดเห็นได้
นายกรัฐมนตรีของไทยระบุว่า กำลังติดตามเหตุการณ์ความไม่สงบอย่างใกล้ชิดและไทยพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมหากจำเป็น
ด้านกระทรวงสาธารณสุขของไทยระบุว่ามีประชาชน 1,686 คน ข้ามชายแดนเพื่อขอลี้ภัยชั่วคราวในเมืองแม่สอดในวันเสาร์ (20) โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน จากเศษกระสุนปืน นอกจากนี้ กระทรวงยังระบุว่าเกือบครึ่งหนึ่งของผู้อพยพเป็นเด็กและคนชรา
กองทัพพม่ากำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เข้ากุมอำนาจ ติดอยู่ในความขัดแย้งหลายครั้ง และพยายามอย่างหนักที่จะรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจที่พังลงนับตั้งแต่รัฐประหารในปี 2564 ต่อรัฐบาลพลเรือนของอองซานซูจี
พม่าติดอยู่ในสงครามกลางเมืองระหว่างกองทัพและกลุ่มพันธมิตรของกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ และขบวนการต่อต้านที่เกิดขึ้นจากการปราบปรามนองเลือดของรัฐบาลทหารต่อการชุมนุมประท้วงต่อต้านการรัฐประหาร
นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน กล่าวว่า เขาได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมรับทุกสถานการณ์และจะเดินทางลงพื้นที่ชายแดนในวันอังคาร (23)
การยึดเมืองเมียวดีและค่ายทหารโดยรอบถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญของรัฐบาลทหารพม่าที่ถูกบีบจากการคว่ำบาตรของตะวันตก โดยเมืองเมียวดีเป็นแหล่งรายได้จากภาษีอากรสำคัญและเป็นช่องทางการค้าชายแดนที่มีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี
กระทรวงการต่างประเทศของไทยระบุว่าหวังให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว และเรียกร้องให้รัฐบาลทหารพม่ารับรองว่าการสู้รบจะไม่ลุกลามข้ามพรมแดน
“เราได้แจ้งต่อสถานทูตพม่าประจำประเทศไทยให้พม่าใช้ความระมัดระวังเพื่อไม่ให้ละเมิดอาณาเขตอธิปไตยและน่านฟ้าของไทย และส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้คนบริเวณชายแดน” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว.