รอยเตอร์/เอเอฟพี - พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามยอมรับการลาออกของประธานาธิบดีหวอ วัน เถือง ตามคำแถลงของพรรควันนี้ (20) ในสัญญาณของความวุ่นวายทางการเมืองที่อาจกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในประเทศ
คำแถลงบนเว็บไซต์ของพรรคระบุว่า เถืองละเมิดกฎระเบียบ และล้มเหลวในการเป็นตัวอย่างที่เหมาะสมในฐานะประมุขแห่งรัฐ
“การละเมิดและข้อบกพร่องของสหายหวอ วัน เถือง ทำให้เกิดความคิดเห็นที่ไม่ดีจากสาธารณชน ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของพรรค รัฐ และตัวเขาเอง” คำแถลงระบุ ที่รายงานเบื้องต้นโดยสำนักข่าวเวียดนาม
“ด้วยตระหนักดีถึงความรับผิดชอบของเขาที่มีต่อพรรค รัฐ และประชาชน เขาจึงยื่นขอลาออกจากตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย” คำแถลงระบุ
แม้ตำแหน่งประธานาธิบดีจะมีบทบาทในเชิงพิธีการเป็นส่วนใหญ่ แต่นับเป็นหนึ่งใน 4 ตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงของประเทศ
ทั้งนี้ สมัชชาแห่งชาติจะจัดการประชุมสมัยวิสามัญในวันพฤหัสฯ (21) เพื่อยืนยันการลาออกดังกล่าว
แม้ว่าคำแถลงของรัฐบาลไม่ได้ให้รายละเอียดถึงข้อบกพร่องของหวอ วัน เถือง แต่การเปลี่ยนแปลงผู้นำในรัฐพรรคเดียวในช่วงนี้มักเชื่อมโยงกับการดำเนินการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันและการต่อต้านการรับสินบนเป็นวงกว้างของประเทศ หรือที่รู้จักในชื่อนโยบายเตาไฟลุกโชน (Blazing Furnace) แต่นักวิจารณ์สงสัยว่าการปราบปรามดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการต่อสู้แข่งขันทางการเมือง
นักลงทุนและนักการทูตต่างชาติมักกล่าวโทษการปราบปรามนี้ว่าทำให้การตัดสินใจช้าลงในประเทศที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนกับระบบราชการที่ยุ่งยาก
เถือง วัย 53 ปี ลาออกจากตำแหน่งไม่กี่วันหลังตำรวจประกาศจับกุมอดีตประธานคณะกรรมการประชาชน จ.กว่างหงาย ทางตอนกลางของประเทศ ที่ดำรงตำแหน่งในขณะที่เถืองเป็นหัวหน้าพรรคที่นั่น จากข้อหาคอร์รัปชันเมื่อ 10 ปีก่อน
นอกจากนี้ เขายังเคยเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสของพรรคที่นครโฮจิมินห์ ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุฉ้อโกงทางการเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ที่การพิจารณาคดีกำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้
เถืองถูกมองว่ามีความใกล้ชิดกับเหวียน ฝู จ่อง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ที่เป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของเวียดนาม และเป็นผู้นำในการรณรงค์ปราบปรามการติดสินบน
เถืองขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 2 มี.ค.2566 หลังจากประธานาธิบดีเหวียน ซวน ฟุก ลาออก ในความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันซึ่งเป็นเรื่องไม่ปกติสำหรับเวียดนาม ที่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้รับการจัดการอย่างระมัดระวัง และมุ่งเน้นที่เสถียรภาพ
ก่อนหน้าเหวียน ซวน ฟุก มีประธานาธิบดีเพียงรายเดียวเท่านั้นที่ลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระและเป็นการลาออกด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ
เมื่อเขาเข้ารับตำแหน่ง เถืองกล่าวว่า เขามุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับการทุจริต สำหรับเหตุผลโดยละเอียดของการลาออกของเถืองนั้นยังไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ
แต่ในเดือนนี้ กระทรวงความมั่นคงสาธารณะประกาศว่ากำลังขยายผลการสอบสวนไปยังบริษัทพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใน 3 จังหวัด รวมถึง จ.กว่างหงาย ทางภาคกลาง ที่เถืองเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค
กระทรวงระบุว่าบริษัทฟุกเซินต้องสงสัยว่าปลอมแปลงงบการเงินเพื่อเลี่ยงภาษี และผู้สอบสวนได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 9 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ 5 คนจาก จ.กว่างหงาย
แต่นักวิเคราะห์จากสถาบันวิจัยยุทธศาสตร์ในปารีสกล่าวว่าการวางแผนภายในพรรคคอมมิวนิสต์น่าจะอยู่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวนี้
“การลาออกจากตำแหน่งครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันระหว่างกลุ่มภายในพรรคก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งระดับสูง เนื่องจากสุขภาพของเหวียน ฝู จ่อง กำลังแย่ลง นี่ไม่ใช่แค่เรื่องคอร์รัปชัน แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการวางแผนเพื่อแต่งตั้งผู้นำคนใหม่ของเวียดนาม” นักวิเคราะห์ กล่าว
เมื่อครั้งที่เหวียน ซวน ฟุก ลาออกในเดือน ม.ค.ปีที่แล้ว สื่อของรัฐระบุว่าพรรคพบว่าเขามีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำผิดของรัฐมนตรีอาวุโสในสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีระหว่งปี 2559-2564 ก่อนที่เขาจะกลายเป็นประธานาธิบดี
รองนายกรัฐมนตรี 2 คน ถูกไล่ออกในช่วงเวลาเดียวกันพร้อมกับเจ้าหน้าที่อีกหลายสิบคน โดยหลายคนถูกกล่าวหาว่ารับสินบนที่เชื่อมโยงกับข้อตกลงที่เกิดขึ้นในช่วงของการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของเวียดนาม
เหวียน ฝู จ่อง เลขาธิการพรรคได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการขับเคลื่อนการต่อต้านการทุจริต ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่ชาวเวียดนาม
การพิจารณาคดีฉ้อโกงและการคอร์รัปชัน 2 คดีใหญ่ที่เกิดขึ้นในเดือนนี้ เกี่ยวข้องกับผู้นำธุรกิจชั้นนำของประเทศหลายคน
วิกฤตการเมืองปัจจุบันอาจคลี่คลายได้ด้วยการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่อย่างรวดเร็ว แต่ความเสี่ยงยังคงอยู่ ด้วยการเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำระดับสูงหลายครั้งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางธุรกิจในประเทศที่ต้องพึ่งพาการลงทุนจากต่างชาติเป็นอย่างมาก
ตลาดหลักทรัพย์นครโฮจิมินห์ ร่วงลงเกือบ 3% ในชั่วโมงแรกของการซื้อขายเมื่อวันจันทร์ (18) หลังมีข่าวแพร่สะพัดเกี่ยวกับการลาออกของประธานาธิบดี
ยอดขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติใน 2 วันแรกของสัปดาห์อยู่ที่ประมาณ 80 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของ Mirae Asset Securties
การออกจากตำแหน่งของหวอ วัน เถือง อาจส่งผลให้การตัดสินใจด้านนโยบายและการบริหารชะลอตัวลง เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการปราบปรามการทุจริต ที่ปรึกษาบริษัทต่างชาติที่มีสำนักงานในเวียดนามกล่าว แต่ระบุว่าจุดยืนของเวียดนามต่อนโยบายสำคัญจะไม่เปลี่ยนแปลง
นักลงทุนที่ชื่นชมเสถียรภาพทางการเมืองอาจรู้สึกไม่ดีกับการออกจากตำแหน่งก่อนกำหนดของประธานาธิบดี 2 คน ในเวลาประมาณ 1 ปี
เหตุการณ์ล่าสุดนี้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความสามารถในการคาดการณ์ ความน่าเชื่อถือ และการทำงานภายในของระบบ ซึ่งการตัดสินใจลงทุนขึ้นอยู่กับสิ่งเหล่านี้ ฟลอเรียน เฟเยราเบนด์ ผู้แทนขององค์กรคลังสมองมูลนิธิ Konrad Adenauer Foundation ในเวียดนาม กล่าว
อย่างไรก็ตาม เขาระบุว่าระบบการเมืองของการบริหารปกครองโดยรวมแล้วยังคงมีเสถียรภาพ และนโยบายต่างประเทศของเวียดนามที่รักษาความสัมพันธ์อันดีกับทั้งสหรัฐฯ และจีน จะไม่เปลี่ยนแปลง.