เอเอฟพี - อัยการเวียดนามเรียกร้องให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศได้รับโทษประหารชีวิตในฐานะ ‘ผู้บงการ’ จากคดีฉ้อโกงมูลค่ากว่า 12,000 ล้านดอลลาร์ ที่ถือเป็นคดีฉ้อโกงครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ
เจือง หมี ลาน ประธานบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Van Thinh Phat อยู่ระหว่างการไต่สวนคดีในข้อกล่าวหายักยอกเงินจากธนาคารไซ่ง่อนคอมเมอร์เชียล (SCB) ในช่วงระยะเวลา 1 ทศวรรษ ที่ส่งผลให้นักลงทุนมากกว่า 40,000 รายสูญเงิน
หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ของทางการรายงานว่าจำเลยคนอื่นๆ ในคดีนี้ได้ยอมรับความผิดของตนเองแล้ว แต่ เจือง หมี ลาน ยังคง ‘ดื้อรั้น’ และกล่าวโทษลูกน้อง
“จากข้อมูลของสำนักงานอัยการ ลานมีบทบาทเป็นผู้บงการและเป็นผู้นำ แต่ไม่ยอมรับความผิดของตนเอง ดื้อรั้น กล่าวโทษผู้ใต้บังคับบัญชา และไม่สำนึกผิด” หนังสือพิมพ์รายงาน
อัยการได้ขอให้คณะลูกขุนตัดสินประหารชีวิตเธอในข้อหายักยอกเงิน และโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี ฐานติดสินบนและละเมิดกฎระเบียบการกู้ยืม
การลงโทษประหารชีวิตสำหรับความผิดด้านยาเสพติดถือเป็นเรื่องปกติในเวียดนาม แต่พบได้น้อยมากสำหรับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ
นอกจาก เจือง หมี ลาน แล้ว ยังมีจำเลยอีก 85 คน ที่ 8 คนในนั้นยังคงหลบหนี ถูกตั้งข้อหาที่รวมถึงการติดสินบนและการใช้อำนาจโดยมิชอบในการพิจารณาคดีในนครโฮจิมินห์
เจือง หมี ลาน ที่แต่งงานกับนักธุรกิจชาวฮ่องกง ถูกกล่าวหาว่ายื่นคำขอสินเชื่อปลอมเกือบ 1,300 คำขอ ระหว่างปี 2555-2565 เพื่อถอนเงินออกจากธนาคาร SCB ที่เธอถือหุ้นอยู่ 90%
ตำรวจกล่าวว่า ผู้เสียหายของการหลอกลวงครั้งนี้คือผู้ถือหุ้นกู้ของ SCB ทั้งหมด ที่ไม่สามารถถอนเงินได้ และไม่ได้รับดอกเบี้ยหรือเงินต้น นับตั้งแต่ลานถูกจับกุมตัวในเดือน ต.ค.2565
มูลค่าของการยักยอกทรัพย์ที่ลานถูกกล่าวหาซึ่งเกิดขึ้นระหว่างปี 2555-2565 เทียบเท่ากับประมาณร้อยละ 3 ของจีดีพีของเวียดนามในปี 2565
คดีนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วทั้งประเทศและนำไปสู่การชุมนุมประท้วงของผู้คนหลายร้อยคนในกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้
การจับกุมและดำเนินคดีเจือง หมี ลาน เป็นส่วนหนึ่งของการปราบปรามการทุจริตทั่วประเทศ ที่กวาดล้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงและสมาชิกกลุ่มนักธุรกิจชั้นนำของประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา.