เอเอฟพี - กองทัพพม่าสั่งโจมตีทางอากาศและระดมยิงจากเรือใส่กลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์บนเกาะแห่งหนึ่งที่เป็นที่ตั้งของท่าเรือน้ำลึกมูลค่าหลายพันล้านดอลลร์ที่จีนให้การสนับสนุน สื่อท้องถิ่นและกลุ่มติดอาวุธระบุวันนี้ (20)
เหตุปะทะกันระหว่างสองฝ่ายปะทุขึ้นในรัฐยะไข่ตั้งแต่เดือนก่อน หลังจากกองทัพอาระกัน (AA) เปิดฉากโจมตีกองกำลังความมั่นคง ที่ยุติข้อตกลงหยุดยิงที่ได้ตกลงกันไว้นับตั้งแต่กองทัพยึดอำนาจในการรัฐประหารปี 2564
การโจมตีในรัฐทางตะวันตกแห่งนี้เป็นการเปิดแนวรบอีกแนวหนึ่งต่อกองทัพ ขณะที่กำลังต่อสู้กับกลุ่มพันธมิตรของกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ ที่เรียกว่า ‘พันธมิตรสามภราดรภาพ’ ซึ่งรวมถึงกองทัพอาระกัน ในพื้นที่ตอนเหนือของประเทศ
ในวันอังคาร (19) เรือของกองทัพเรือได้ระดมยิงใส่เมืองรามรี (Ramree) บนเกาะรามรี ตามการระบุของกลุ่มพันธมิตรบนช่องเทเลแกรม
ในระหว่างการสู้รบกับกองทัพอาระกันในพื้นที่เมื่อวันจันทร์ (18) กองกำลังทหารฝ่ายรัฐบาลได้ขอการโจมตีทางอากาศและระดมยิงจากเรือรบ โดยสื่อท้องถิ่นรายงานว่า มีพลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บจากการยิงใส่เมืองรามรี
กองทัพอาระกันระบุว่า ได้เข้ายึดอุปกรณ์ทางทหาร หลังจากการปะทะกันในวันจันทร์ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ
ทั้งนี้ เกาะรามรีเป็นที่ตั้งของท่าเรือน้ำลึกที่ได้รับการสนับสนุนจากจีน ซึ่งเมื่อสร้างเสร็จจะทำหน้าที่เป็นประตูสู่มหาสมุทรอินเดียสำหรับปักกิ่ง
ท่าเรือที่วางแผนไว้นี้อยู่ใกล้กับเมืองจอก์พยู ที่ห่างจากเมืองรามรีประมาณ 50 กิโลเมตร เป็นศูนย์กลางของโครงการระเบียงเศรษฐกิจจีน-พม่า (CMEC)
การก่อสร้างท่าเรือและเขตเศรษฐกิจพิเศษที่อยู่ใกล้เคียงต้องหยุดชะงักลงท่ามกลางเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นเป็นระยะในรัฐยะไข่
การปะทะกันระหว่างกองทัพอาระกันและกองทัพของรัฐบาลทหารสร้างความเสียหายให้ภูมิภาคในปี 2562 และในปี 2560 กองทัพได้ดำเนินการปราบปรามชนกลุ่มน้อยโรฮิงญาที่เวลานี้กลายคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ศาลของสหประชาชาติ
สื่อท้องถิ่นรายงานในสัปดาห์นี้ว่า ทางการได้สั่งห้ามเรือประมงและเรือขนส่งออกจากน่านน้ำรอบจอก์พยูจนถึงเดือน ก.พ.2567
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพอาระกันกล่าวว่าได้ยึดฐานทหาร 3 แห่งในรัฐชิน ใกล้กับชายแดนบังกลาเทศ
สหประชาชาติระบุเมื่อสัปดาห์ก่อนว่ามีประชาชนมากกว่า 110,000 คน ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นจากการปะทะกันในรัฐชินและรัฐยะไข่
กองทัพอาระกันต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิในการปกครองตนเองให้ประชากรชาติพันธุ์ยะไข่ของรัฐมาเป็นเวลานานหลายปี
การปะทะกันระหว่างกองทัพอาระกันและกองทัพพม่าในปี 2562 ทำให้มีผู้พลัดถิ่นมากกว่า 200,000 คน ทั่วรัฐยะไข่ ที่มีประชากรราว 1 ล้านคน.