MGRออนไลน์ -นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชากล่าวว่า เขายอมถูกเรียกว่า ‘เผด็จการ’ มากกว่าที่จะละทิ้งสันติภาพที่ได้มาอย่างยากลำบากของประเทศ
ผู้นำเขมรกล่าวในพิธีเปิดโรงไฟฟ้าว่า ‘เมื่อเราพูดถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพทางการเมือง กลุ่มต่อต้านบางกลุ่มมักจะวิพากษ์วิจารณ์เราเสมอว่าเราเป็นเผด็จการ’
“หากความมุ่งมั่นที่จะรักษาสันติภาพและความมั่นคงของประชาชนของผมถูกกล่าวหาว่าเป็นเผด็จการ ผมคงยอมถูกเรียกว่าเป็นเผด็จการมากกว่าถูกกล่าวหาว่าไร้ความสามารถและนำมาซึ่งสงครามและความตาย” ฮุน มาเนต กล่าว
“ผมยินดียอมรับถ้าคุณตีตราผมว่าเป็นเผด็จการ เพราะผมมุ่งมั่นที่จะรักษาสันติภาพ ไม่ปล่อยให้ผู้คนล้มตาย และไม่ปล่อยให้ประเทศถอยหลังไปสู่ยุคที่ไม่มีสันติภาพ” ผู้นำเขมร กล่าวเสริม
ในประเด็นที่รัฐบาลชุดใหม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จาก สม รังสี อดีตผู้นำฝ่ายค้าน ฮุน มาเนตกล่าวว่า เขาไม่ใส่ใจเพราะสาธารณชนได้รับทราบถึงนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่แล้ว และอ้างว่าผู้คนหลายล้านชีวิตมีความสุขกับเทศกาลน้ำ และพวกเขาพอใจกับนโยบายที่รัฐบาลดำเนินการอยู่
“มีความสำเร็จมากมายจากนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาล ผู้คนได้ประโยชน์จากโครงการพัฒนาเหล่านั้น” ฮุน มาเนตกล่าว
ผู้นำเขมรยังกล่าวว่าฝ่ายบริหารจะไม่หยุดพัก และจะดำเนินการด้วยความรวดเร็วต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาเพื่อประโยชน์ของประเทศ และพลเมืองของประเทศ
สม รังสี ที่อาศัยอยู่ในฝรั่งเศส ได้โพสต์บนเฟซบุ๊กของเขาว่า ระยะเวลา 100 วันแรก ของรัฐบาลฮุน มาเนต คือความต่อเนื่องของสิ่งเลวร้ายในกัมพูชา
“ไม่มีอะไรที่น่ายินดีและชาวกัมพูชาควรไว้อาลัย เพราะนับตั้งแต่ฮุน มาเนต ขึ้นสู่อำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรี ความอยุติธรรมทางสังคมก็ยิ่งย่ำแย่ลง ชีวิตประชาชนก็ยากลำบากขึ้น” สม รังสี โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก
เขากล่าวอ้างว่าการมีเผด็จการที่เลวร้าย ยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้น และมีนักโทษทางการเมืองในกัมพูชาเพิ่มมากขึ้น
“การตัดไม้ทำลายป่าและการขายทรัพย์สินของรัฐและในระดับชาติให้บริษัทเอกชนและผู้ซื้อต่างชาติเพิ่มมากขึ้นนั้น เป็นตัวอย่างของสิ่งที่เกิดขึ้นในด้านเศรษฐกิจและสังคม” สม รังสี ระบุ
ด้านเลขาธิการราชบัณฑิตยสถานแห่งกัมพูชา กล่าวถึงคำวิพากษ์วิจารณ์ของสม รังสี ที่มีต่อฮุน มาเนต ว่าไม่มีเหตุผล เนื่องจากนายกรัฐมนตรีเข้ารับตำแหน่งผ่านพรรคประชาชนกัมพูชา ที่ชนะการเลือกตั้งและได้รับเลือกตามระบอบประชาธิปไตยในฐานะผู้สมัครภายในพรรค
เลขาธิการราชบัณฑิตยสถานกล่าวว่า การขึ้นสู่อำนาจของฮุน มาเนต ไม่ได้เกิดขึ้นจากการรัฐประหาร สงคราม หรือการแข่งขันแย่งชิง แต่มาจากการเลือกตั้งและความเป็นหนึ่งเดียวของพรรค
“ผมสนับสนุนฮุน มาเนต ถ้าบ้านเมืองสงบสุข เราก็จะมีโอกาสมากมายในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาอื่นๆ มากขึ้น ในขณะที่โลกกำลังประสบปัญหา มีปัญหาที่ซับซ้อนมากมายที่ต้องได้รับการแก้ไข”
“นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต แสดงให้เห็นว่าเขามีความสามารถเพียงพอที่จะดำรงตำแหน่ง และยังได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผู้นำระหว่างประเทศ ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมสำคัญหลายครั้ง รวมถึงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในอินโดนีเซีย การประชุมสหประชาชาติ และการเยือนจีน” เลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน กล่าว.