รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน กล่าวกับเจ้าหน้าที่สูงสุดอันดับ 2 ของเวียดนามในวันศุกร์ (20) ว่าทั้งสองประเทศต้องไม่ลืม ‘ความตั้งใจเดิม’ ของมิตรภาพดั้งเดิมของพวกเขา
จีนและสหรัฐฯ กำลังแข่งขันชิงอิทธิพลในหมู่ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งเวียดนาม ที่ในเดือน ก.ย. ได้ยกระดับความสัมพันธ์กับวอชิงตันให้เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์รอบด้านครอบคลุม ซึ่งส่งผลให้สหรัฐฯ อยู่ในระดับเดียวกันกับปักกิ่งและมอสโก
จีนมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับเวียดนามมาตั้งแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2493 แม้จะเกิดสงครามช่วงสั้นๆ ในปี 2522 ก็ตาม ปักกิ่งสนับสนุนการต่อสู้ของฮานอยกับอดีตผู้ปกครองอาณานิคมฝรั่งเศส และการต่อสู้กับไซ่ง่อนและสหรัฐฯ ในช่วงสงครามเวียดนามในเวลาต่อมา
“เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และภารกิจการพัฒนาภายในประเทศที่ยากลำบาก ทั้งสองประเทศต้องไม่ลืมความตั้งใจเดิมของมิตรภาพดั้งเดิมของพวกเขา” ผู้นำจีนกล่าวกับประธานาธิบดีหวอ วัน เถือง ของเวียดนาม
หวอ วัน เถือง ผู้นำหมายเลข 2 ของเวียดนาม รองจากเหวียน ฝู จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ ได้พูดคุยหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง หลังเข้าร่วมการประชุมหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางในกรุงปักกิ่ง
เมื่อต้นเดือน ต.ค. รอยเตอร์รายงานว่าเจ้าหน้าที่จีนและเวียดนามกำลังเตรียมการเดินทางที่อาจเป็นไปได้ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่จะเยือนกรุงฮานอยในช่วงปลายเดือน ต.ค. หรือต้นเดือน พ.ย. โดยอ้างแหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับแผนดังกล่าว
“ทั้งสองฝ่ายควรยึดตามหลักการของการปรึกษาหารือร่วมกัน” ผู้นำแดนมังกรกล่าวกับเถือง และเสริมว่าจีนและเวียดนามควรใช้ประโยชน์จากความใกล้ชิดทางภูมิรัฐศาสตร์และการเติมเต็มทางอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ ยังไม่มีการกล่าวถึงการเยือนเวียดนามของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในสื่อของทางการจีนแต่อย่างใด
เมื่อวันพุธ (18) สื่อของทางการเวียดนามรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียได้ตอบรับคำเชิญของผู้นำเวียดนามที่จะเดินทางเยือนกรุงฮานอยเร็วๆ นี้ ขณะที่ทั้งสองฝ่ายได้พบหารือกันนอกรอบการประชุมหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง
ในเดือน ก.ย. ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เยือนกรุงฮานอย.