MGR ออนไลน์ - หนึ่งเดือนหลังเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาต่อจากพ่อของเขา หลังการเลือกตั้งครั้งล่าสุดของประเทศที่ไม่มีฝ่ายค้าน ฮุน มาเนต กล่าวต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเมื่อวันศุกร์ (22) ว่า การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นไปอย่างเสรี เป็นธรรม น่าเชื่อถือ และยุติธรรม
ฮุนเซนมอบอำนาจให้ลูกชายของเขาหลังจากคว้าชัยในการเลือกตั้งที่เขาสั่งห้ามพรรคการเมืองฝ่ายค้านพรรคสุดท้ายที่เหลืออยู่คือ พรรคแสงเทียนลงแข่งขัน และขู่ว่าจะจำคุกและตัดสิทธิชาวกัมพูชาคนใดก็ตามที่เข้าร่วมในความพยายามของพรรคที่จะคว่ำบาตรการเลือกตั้ง
พรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ของฮุนเซนที่อยู่ในอำนาจมาตั้งแต่ปี 2522 ชนะที่นั่งในสภา 120 ที่นั่งจากทั้งหมด 125 ที่นั่ง ลดลง 5 ที่นั่งจากปี 2561 โดยที่นั่งเหล่านั้นตกเป็นของพรรคฟุนซินเปก
ฮุน มาเนต กล่าวต่อสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเป็นภาษาอังกฤษว่า ‘เป็นความยินดีอย่างยิ่งทีได้ปราศรัยต่อที่ประชุม ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของราชอาณาจักรกัมพูชา’ และเขายังกล่าวถึงการเลือกตั้งของประเทศด้วย
“ประชาชนกว่า 8.2 ล้านคนร่วมลงคะแนนเสียง อัตราการออกมาใช้สิทธิอยู่ที่ 84.59%” ผู้นำเขมร กล่าว โดยชี้ว่าการมีส่วนร่วมของพรรคเล็ก 18 พรรค เป็นหลักฐานของความเป็นธรรม
“นี่เป็นจำนวนการออกมาใช้สิทธิที่สูงที่สุดนับตั้งแต่การเลือกตั้งภายใต้การดูแลของสหประชาชาติในปี 2536 และเป็นบ่งชี้ชัดเจนถึงวุฒิภาวะทางการเมืองของประชาชนและความกระตือรือร้นในการใช้สิทธิตามระบอบประชาธิปไตยของพวกเขา” ฮุน มาเนต กล่าว
“การเลือกตั้งได้รับการประเมินอย่างกว้างขวางว่าเสรีและเป็นธรรม น่าเชื่อถือและยุติธรรม จากผู้สังเกตการณ์หลายพันคน” ผู้นำเขมรกล่าว
สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปปฏิเสธที่จะส่งผู้สังเกตการณ์เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความสุจริตของการเลือกตั้ง
ฮุน มาเนต ยังดูเหมือนจะกล่าวถึงคำกล่าวอ้างของสหรัฐฯ และภาพถ่ายดาวเทียมที่ระบุว่าแสดงให้เห็นว่าจีนกำลังก่อสร้างฐานทัพทหารในเมืองสีหนุวิลล์ ที่บิดาของเขาปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้มีฐานทัพต่างชาติใดๆ บนดินแดนนี้ ดังที่ระบุไว้อย่างชัดเจนในรัฐธรรมนูญ กัมพูชาจะดำเนินต่อไปบนเส้นทางแห่งเอกราชและนโยบายต่างประเทศที่เป็นกลาง” ฮุน มาเนต กล่าวย้ำ
ฮุน มาเนต กลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของกัมพูชาเมื่อวันที่ 22 ส.ค. หลังพ่อของเขาปกครองประเทศมานานถึง 38 ปี
ฮุนเซนปกครองประเทศด้วยกำปั้นเหล็กมาอย่างยาวนาน และมีคำสั่งยุบพรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) ไม่นานก่อนการเลือกตั้งปี 2561 สมาชิกบางส่วนของพรรค CNRP ได้รวมตัวกันก่อตั้งพรรคใหม่ในชื่อพรรคแสงเทียนเพื่อลงแข่งขันในการเลือกตั้งปีนี้ แต่ท้ายที่สุดพรรคแสงเทียนก็ถูกสั่งห้ามลงเลือกตั้งเช่นกัน
รัฐบาลของฮุน มาเนต ดูเหมือนไม่กระตือรือร้นที่จะสานสัมพันธ์กับพรรคเหล่านี้ และปฏิเสธที่จะให้เอกสารจดทะเบียนอย่างเป็นทางการกับพรรค ที่พรรคจำเป็นต้องใช้ในการลงเลือกตั้งในอนาคต
ที่ด้านนอกอาคารสหประชาชาติ ชาวอเมริกันเชื้อสายเขมรและอดีตแกนนำพรรคฝ่ายค้านได้ประท้วงการปรากฏตัวของฮุน มาเนต และเรียกร้องให้รัฐบาลของเขาถูกถอดจากที่นั่งในสหประชาชาติ
อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติของพรรค CNRP ประกอบด้วย โฮ วัน, กง สะเพีย, เอง ชาย เอียง และมู สุจัว ที่ทั้งหมดล้วนเผชิญกับโทษจำคุกเป็นเวลานานหากเดินทางกลับกัมพูชา ต่างเข้าร่วมการประท้วง
สุจัว ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกิจการสตรีของกัมพูชาระหว่างปี 2541-2547 กล่าวกับสำนักข่าววิทยุเอเชียเสรีว่า เธอคิดว่าฮุน มาเนต คงจะไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกละอายเกี่ยวกับวิธีที่เขาเข้าสู่อำนาจได้
“ฉันไม่คิดว่าเขาจะนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจได้ ฮุน มาเนต ไม่ใช่อิสระชน” มู สุจัว กล่าวถึงที่นั่งของกัมพูชาในสหประชาชาติ
มู สุจัว กล่าวว่า โลกไม่ควรซื้อสิ่งที่พนมเปญขาย และชี้ไปที่การตัดสินใจปฏิเสธเอกสารการลงทะเบียนของพรรคแสงเทียน ว่าเป็นหลักฐานว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่ยังคงมีท่าทีแบบเดิม
“หากเขาต้องการทำให้ถูกต้องชอบธรรม หากเขาต้องการเป็นผู้นำรุ่นใหม่ เราจะต้องเริ่มด้วยการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม เขาจะแสดงให้เห็นว่าเป็นโฉมหน้าใหม่สำหรับกัมพูชาได้อย่างไรเมื่อเขาอยู่ภายใต้การควบคุมของพ่อ” มู สุจัว กล่าว
ส่วนผู้ร่วมประท้วงรายอื่นกล่าวว่า พวกเขาเดินทางมาที่นิวยอร์กเพื่อให้โลกรู้ว่าชาวกัมพูชาต้องการโอกาสในการเลือกผู้นำของตนอย่างอิสระ
“ผมมาที่นี่เพราะกัมพูชากำลังก้าวเดินในเส้นทางที่ผิดสำหรับประชาธิปไตย เผด็จการผู้นี้ส่งต่ออำนาจของเขาให้ฮุน มาเนต ซึ่งขัดต่อข้อตกลงปารีสที่ระบุว่าเราควรจะต้องมีการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม” ผู้ประท้วงชาวเขมรอายุ 63 ปี กล่าว
ชายชาวเขมรรายนี้กล่าวว่าเขามาที่สหรัฐฯ ในฐานะผู้ลี้ภัย และต้องการให้เพื่อนร่วมชาติของเขาในกัมพูชาได้รับเสรีภาพแบบเดียวกับที่เขามีในสหรัฐฯ เขากล่าวว่าเขาไม่คิดว่าฮุน มาเนต จะให้ในสิ่งเหล่านั้นได้
“เขาไม่ต่างจากพ่อของเขาเลย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมไม่ต้องการให้ฮุน มาเนต เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ กัมพูชาไม่สมควรที่จะต้องได้รับสิ่งเหล่านี้ เราควรจะเป็นประชาธิปไตย แต่เรากลับมีเผด็จการ” ผู้ประท้วงคนเดิม กล่าว.