MGR ออนไลน์ - ฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชากล่าวว่า นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับเขาและเพื่อนร่วมงานของเขาที่จะออกจากตำแหน่ง เนื่องจากคะแนนเสียงสนับสนุนพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 82% ในการเลือกตั้งระดับชาติเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา
“ผมขอย้ำอีกครั้งว่าตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค.2528 ถึงวันที่ 22 ส.ค.2566 ผมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นเวลา 38 ปี 7 เดือน 8 วัน หรือ 463 เดือน หรือ 2,014 สัปดาห์ หรือ 14,099 วัน ดังนั้นนี่คือเวลาที่เหมาะสมสำหรับผมที่จะลาออกและให้ผู้สืบทอดทำหน้าที่ต่อ” ฮุนเซนกล่าวย้ำในงานแถลงข่าวที่จัดขึ้นที่สภา วานนี้ (22) หลังการประชุมครั้งแรกของสภาแห่งชาติชุดที่ 7
ฮุนเซนกล่าวเสริมว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นแผนที่ทราบกันมาตั้งแต่ปี 2564
นอกจากนี้ ฮุนเซนยังปฏิเสธคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ระบุว่าเขาเพียงแค่ย้ายตำแหน่ง ไม่ใช่อำนาจ
“นี่เป็นความคิดที่โง่เขลา เป็นไปไม่ได้ที่จะจับมือนายกรัฐมนตรีลงนาม ผมคิดว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่มีความยืดหยุ่นเพียงพอ ผมมั่นใจว่าพวกเขามีศักยภาพเพียงพอที่จะบรรลุเป้าหมายของประเทศในการเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับสูง ภายในปี 2573 และเป็นประเทศรายได้สูงภายในปี 2593” ฮุนเซน กล่าวย้ำ
นอกจากนี้ ฮุนเซนยังแสดงความหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะยังรักษาสันติภาพและเสถียรภาพทางการเมือง และกัมพูชาจะก้าวผ่านจากสถานะการเป็นประเทศด้อยพัฒนาไปได้
ในการกล่าวปราศรัยต่อสภาหลังได้รับการอนุมัติและมติไว้วางใจต่อสมาชิกรัฐบาลชุดใหม่ ฮุน มาเนต ได้กล่าวว่าเขาสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของกษัตริย์นโรดม สีหมุนี และขอบคุณคณะผู้นำต่างๆ ที่มีความมั่นใจในรัฐบาลใหม่และมอบความไว้วางใจให้ปฏิบัติหน้าที่รับใช้ชาติ เพื่อตอบสนองความต้องการและความปรารถนาของประชาชนชาวกัมพูชา
ฮุน มาเนต ยังกล่าวว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ก.ค. มีความเสรี ยุติธรรม และโปร่งใส โดยมีผู้ลงคะแนนเสียงมากกว่า 8.2 ล้านคน คิดเป็นประมาณ 84.59% ของประชากรในรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติ และในจำนวนนั้นเป็นผู้ที่ลงคะแนนเสียงสนับสนุนพรรค CPP ถึง 82.3%
ผู้นำกัมพูชาคนใหม่กล่าวเสริมว่า นี่เป็นอัตราการใช้สิทธิที่สูงเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งครั้งอื่นๆ ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ทั้งของกัมพูชาเอง และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
อัตราการใช้สิทธิเลือกตั้งที่สูงนี้ตอกย้ำถึงเจตจำนงที่แข็งแกร่งของชาวเขมรส่วนใหญ่ ที่ใช้สิทธิพลเมืองตามรัฐธรรมนูญมอบความไว้วางใจให้พรรคการเมืองและผู้นำ นำพาประเทศไปตามเส้นทางประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม
นอกจากนี้ ฮุน มาเนต ยังกล่าวว่าผลการเลือกตั้งวันที่ 23 ก.ค. สะท้อนให้เห็นถึงเจตจำนงและการสนับสนุนอย่างท่วมท้นของประชาชนที่ต้องการจะเห็นประเทศของพวกเขามุ่งไปสู่ความก้าวหน้าและความเจริญรุ่งเรืองผ่านเส้นทางแห่งสันติภาพ การพัฒนา และการปฏิรูปในทุกภาคส่วน ซึ่งรัฐบาลกัมพูชามีหน้าที่ที่จะต้องมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละและกระตือรือร้นที่จะบรรลุภารกิจประวัติศาสตร์ในการเร่งการพัฒนาและผลักดันการปฏิรูปที่ลึกซึ้งและกว้างขึ้นกว่าเดิม.