เอเอฟพี - ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซียกล่าวว่า การแก้ปัญหาวิกฤตพม่าที่ยืดเยื้อเข้าสู่ปีที่ 3 จำเป็นต้องมีเจตจำนงทางการเมืองจากทุกฝ่ายของความขัดแย้ง ในขณะที่ประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มความพยายามทางการทูต
พม่าถูกทำลายด้วยความรุนแรงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่อองซานซูจี ผู้นำพลเรือนถูกโค่นล้มจากการรัฐประหาร และถูกดำเนินคดีอาญา 19 คดี ตั้งแต่การทุจริตคอร์รัปชันไปจนถึงการละเมิดกฎระเบียบเกี่ยวกับโควิด-19
“เราตระหนักว่าสถานการณ์ในพม่ายังคงเต็มไปด้วยความท้าทาย และเรายังต้องตระหนักว่าสถานการณ์นี้สามารถแก้ไขได้ก็ต่อเมื่อมีเจตจำนงทางการเมืองจากทุกฝ่าย” ผู้นำแดนอิเหนากล่าวในงานครบรอบสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
ผู้นำอินโดนีเซียกล่าวกับบุคคลสำคัญจากต่างประเทศว่า กลุ่มสมาชิก 10 ประเทศ ที่รวมถึงพม่า ต้องทำงานร่วมกันต่อไปเพื่อหาทางแก้ไขวิกฤต
“อาเซียนเปรียบเสมือนเรือลำใหญ่ต้องมุ่งไปข้างหน้า เรือลำใหญ่ลำนี้ต้องแล่นต่อไป ไม่สามารถจมลงได้ เพราะนี่คือความรับผิดชอบของเราต่อผู้คนหลายร้อยล้านคนในเรือ” ประธานาธิบดีวิโดโด กล่าว
อินโดนีเซียเป็นประธานกลุ่มอาเซียนในปีนี้ และจะจัดการประชุมสุดยอดผู้นำในเดือน ก.ย. ทั้งนี้ จาการ์ตามีส่วนร่วมในสิ่งที่เรียกว่า ‘การทูตเงียบ’ กับรัฐบาลทหารเพื่อนำพม่ากลับสู่โต๊ะเจรจา
ประธานาธิบดีวิโดโด กล่าวว่า ความพยายามของกลุ่มในการแก้ไขวิกฤตจะยังคงดำเนินการตามข้อตกลง 5 ข้อ ที่ได้ตกลงไว้กับรัฐบาลทหารเมื่อ 2 ปีก่อน
แต่รัฐบาลทหารเพิกเฉยต่อข้อตกลงดังกล่าว ที่มีจุดมุ่งหมายที่จะยุติความรุนแรงและฟื้นการเจรจาหารือระหว่างกองทัพและขบวนการต่อต้านรัฐประหาร
อย่างไรก็ตาม อาเซียนยังคงมีความเห็นแตกแยกกันเกี่ยวกับวิธีที่จะมีส่วนร่วมกับรัฐบาลทหารนับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารปี 2564 และได้กีดกันรัฐบาลทหารออกจากการประชุมระดับสูงของกลุ่มเนื่องจากขาดการดำเนินการตามข้อตกลง 5 ข้อ.