ชาวพม่าวิจารณ์ขรมรัฐบาลทหารสิ้นเปลืองงบจัดสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่หวังเรียกศรัทธาประชาชน กลบภาพเผด็จการ

MGR ออนไลน์ - รัฐบาลทหารพม่าทำพิธีสักการบูชาพระพุทธรูปหนัก 1,700 ตัน ในงานที่จัดขึ้นในกรุงเนปีดอวานนี้ (1) ที่ชาวพม่าวิจารณ์กันอย่างลับๆ ว่าเป็นความพยายามของกองทัพที่หวังจะได้รับความเคารพนับถือจากประชาชนผ่านทางศาสนา

พิธีสักการบูชาพระพุทธรูปหินอ่อนปางมารวิชัยในวันเข้าพรรษา เป็นความพยายามล่าสุดของรัฐบาลทหารที่จะแสดงตัวว่าเป็นพุทธมามกะในประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ

ชาวเมืองเนปีดอรายหนึ่งกล่าวว่า บรรดาข้าราชการไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากไปร่วมงานพิธีนี้ แม้ว่าวันเข้าพรรษาจะเป็นวันหยุดราชการ

“แน่นอนว่าไม่มีพลเรือนเข้าร่วมในพิธี ถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ มีแค่พวกเขาที่ถูกบังคับให้เข้าร่วมงาน ถึงขนาดที่กองทัพจัดรถรับส่งพวกเขา” ชาวพม่ารายหนึ่งกล่าวโดยไม่ขอระบุชื่อ เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย

พิธีสักการบูชาพระพุทธรูปหินอ่อนสูง 63 ฟุต ประทับบนฐานสูง 18 ฟุต เป็นงานพิธีทางศาสนาอย่างเป็นทางการที่ใช้งบประมาณสูงสุดนับตั้งแต่กองทัพภายใต้การนำของ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ยึดอำนาจมาเมื่อกว่า 2 ปีก่อน

สื่อที่สนับสนุนรัฐบาลทหารระบุว่าเป็นพระพุทธรูปหินอ่อนประทับนั่งใหญ่ที่สุดในโลก มูลค่า 58,000 ล้านจ๊าต (27.6 ล้านดอลลาร์) จัดสร้างโดยผู้นำคณะรัฐบาลทหาร เพื่อแสดงให้ประชาคมระหว่างประเทศเห็นว่าพุทธศาสนากำลังเฟื่องฟูในพม่า และนำสันติภาพความสงบสุขมาสู่ประเทศและโลก

แต่ชาวเมืองเนปีดอมองว่าเป็นความเสแสร้งของรัฐบาลทหารที่ต้องการแสดงภาพความปรองดอง ทั้งที่กองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลทหารรับผิดชอบการเสียชีวิตของพลเรือน 3,861 คน นับตั้งแต่รัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ.2564

“สิ่งที่เราเห็นคือรัฐบาลทหารกำลังใช้เงินและกำลังคนจำนวนมากสร้างพระพุทธรูปให้มีชื่อเสียงกว่าเจดีย์องค์ก่อนๆ ผมไม่เคยคิดจะไปเยี่ยมชม เนื่องจากเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นจากมือเปื้อนเลือดของเผด็จการทหาร” ชาวเมืองอีกรายหนึ่ง กล่าว

ส่วนนักวิจารณ์คนอื่นๆ ตำหนิประณามการก่อสร้างว่าเป็นโครงการไร้สาระของมิน อ่อง หล่าย ที่พวกเขากล่าวว่าหวังว่าจะวาดภาพตัวเองเป็นผู้พิทักษ์ปกป้องศาสนาพุทธในพม่า

ซอ ยาน นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนชี้ว่าเงินที่ใช้ในการก่อสร้างพระพุทธรูปเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งเขาตั้งคำถามว่าเหตุใดงบประมาณส่วนนี้ไม่ถูกนำไปใช้เลี้ยงดูผู้คนที่อดอยากเนื่องจากการจัดการทางเศรษฐกิจที่ผิดพลาดของรัฐบาลทหาร หรือให้ความช่วยเหลือกับคน 2 ล้านคน ที่สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านสิทธิมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติกล่าวว่าต้องพลัดถิ่นจากความขัดแย้งภายในประเทศนับตั้งแต่การยึดอำนาจ

“นี่เป็นเพียงความพยายามของรัฐบาลทหารในการทำให้ดูเหมือนว่า มิน อ่อง หล่าย เป็นผู้ปกครองใจบุญหวังที่จะได้การสนับสนุนจากประชาชนเพื่อเป็นทางออกทางการเมือง” ซอ ยาน กล่าว

สาย จี ซิน โซ นักวิเคราะห์ทางการเมืองกล่าวว่า มิน อ่อง หล่าย น่าจะสร้างพระพุทธรูปปางมารวิชัยเพื่อชำระล้าง ป้องกันภัยอันตราย และยืดเวลาการปกครองของเขา

“นั่นคือสิ่งที่ผู้นำคณะรัฐบาลทหารมักจะทำ มีตัวอย่างคล้ายกันนี้ในอดีต” นักวิเคราะห์ กล่าว โดยยกตัวอย่างของ พล.อ.อาวุโส ตาน ฉ่วย ได้จัดพิธีปลุกเสกพระพุทธรูปหินอ่อนหนัก 560 ตัน และสูง 37 ฟุต ในย่างกุ้ง และหลังจากย้ายเมืองหลวงไปที่เนปีดอ ได้จัดสร้างเจดีย์อุปปาตะสันติ ที่เชื่อว่าป้องกันการรุกรานจากต่างชาติ

อย่างไรก็ตาม ในโอกาสเดียวกับการเปิดพระพุทธรูปเมื่อวันอังคาร รัฐบาลทหารยังประกาศอภัยโทษที่ลดโทษจำคุกของอองซานซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยที่ถูกขับไล่ และวิน มี้น ประธานาธิบดีที่ถูกโค่นล้ม และยังสั่งปล่อยตัวนักโทษหลายพันคนจากเรือนจำทั่วประเทศ

รัฐบาลทหารมักประกาศอภัยโทษในวันสำคัญทางพุทธศาสนา

“แน่นอนว่าพวกเขาต้องการเป็นผู้ปกครองที่ถูกมองว่าเป็นพุทธมามกะ แต่พวกเขากลับถูกจดจำว่าเป็นฆาตกร ไม่ใช่ในฐานะผู้นำที่เคร่งศาสนา” จี มี้น ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน กล่าว

ด้านผู้นำเครือข่ายคณะสงฆ์ปฏิวัติฤดูใบไม้ผลิ ที่ต่อต้านรัฐบาลทหารเปรียบการกระทำดังกล่าวว่าเหมือนช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิด

“เผด็จการหลายรุ่นในประเทศต่างสร้างวัดสร้างเจดีย์เพื่อปกปิดความโหดร้ายและการเข่นฆ่าประชาชนของพวกเขา” ผู้นำเครือข่าย กล่าว

หล่า จ่อ ซอ นักวิเคราะห์การเมืองชาวพม่าที่อาศัยอยู่ในจีนกล่าวว่า ผู้นำทหารพม่าไม่ได้เชื่อในศาสนาอย่างแท้จริง

“พวกเขาตั้งใจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดด้วยการสร้างพระพุทธรูป หรือพยายามที่จะทำให้จิตใจที่รู้สึกผิดสงบลงด้วยพิธีกรรมทางศาสนา” นักวิเคราะห์ กล่าว

“บาปจากการฆาตกรรมจำนวนมากที่พวกเขาก่อไว้ไม่สามารถลบล้างได้ด้วยวิธีการใดๆ พวกเขาย่อมต้องได้รับความทุกข์ทรมานในนรกอย่างแน่นอนไม่ว่าจะทำบุญทำกุศลมากมายเพียงใดก็ตาม” นักวิเคราะห์กล่าว.