เอพี - กองกำลังพลเรือนติดอาวุธชาติพันธุ์ในภาคตะวันออกของพม่าที่เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพได้เปลี่ยนฝั่งเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับขบวนการสนับสนุนประชาธิปไตยของประเทศ และได้เข้าปฏิบัติการโจมตีค่ายทหาร และสถานีตำรวจในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
กองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) 2 หน่วยในรัฐกะยา เชื่อว่าเป็นกองกำลังพลเรือนสังกัดกองทัพหน่วยแรกๆ ที่เปลี่ยนฝั่ง นับตั้งแต่กองทัพเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลของอองซานซูจี ในเดือน ก.พ.2564
การยึดอำนาจของกองทัพเผชิญกับการชุมนุมประท้วงอย่างสงบทั่วประเทศ แต่หลังจากกองกำลังความมั่นคงของรัฐเข้าปราบปรามด้วยกำลังรุนแรงถึงชีวิต ทำให้เกิดการจัดตั้งกลุ่มต่อต้านติดอาวุธท้องถิ่นเป็นจำนวนมากภายใต้การจัดการอย่างหลวมๆ ที่เรียกว่า ‘กองกำลังพิทักษ์ประชาชน’ ซึ่งพวกเขาเป็นพันธมิตรกับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์กลุ่มใหญ่ในเขตพื้นที่ชายแดนที่ต่อสู้กับรัฐมานานหลายทศวรรษเพื่อเรียกร้องสิทธิในการปกครองตนเอง
รัฐกะยา รัฐที่เล็กที่สุดใน 7 รัฐของพม่าและปกครองโดยชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์กะเหรี่ยงแดง ประสบกับความขัดแย้งรุนแรงโดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่กองทัพยึดอำนาจ รัฐกะยาแห่งนี้มีพรมแดนติดกับไทยและอยู่ไม่ไกลจากกรุงเนปีดอ เมืองหลวงของประเทศ
พม่ามีหน่วยพิทักษ์ชายแดนอยู่ประมาณ 24 หน่วยทั่วประเทศ ที่มีกำลังพลติดอาวุธรวม 10,000 นาย โดยหน่วยเหล่านี้ก่อตั้งขึ้นในปี 2552 จากกลุ่มก่อความไม่สงบชาติพันธุ์อิสระที่ตกลงสงบศึกกับรัฐบาลทหารชุดก่อน
รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ยังระบุว่าทหารและตำรวจราว 13,000 นาย แปรพักตร์มาอยู่ฝั่งเดียวกับพวกเขานับตั้งแต่กองทัพเข้ายึดอำนาจ
หน่วยพิทักษ์ชายแดน 2 หน่วยที่เข้าร่วมกับกองกำลังต่อต้านรัฐบาลทหารนั้นส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของแนวร่วมปลดปล่อยประชาชนกะเหรี่ยงแดง (KNPLF) ที่เป็นกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2521 โดยเป็นสมาชิกที่แยกออกมาจากพรรคก้าวหน้าแห่งชาติกะเหรี่ยงแดง ที่กำลังต่อสู้กับรัฐบาลกลางมานานกว่าครึ่งศตวรรษ และเป็นองค์กรชาติพันธุ์ติดอาวุธหลักของรัฐ
สมาชิกของ KNPLF กล่าวกับสำนักข่าวต่างประเทศว่า สมาชิกเกือบทั้งหมดใน 2 หน่วย ที่แต่ละหน่วยมีกำลังพลราว 300 นาย เข้าร่วมกับกองกำลังต่อต้านในท้องถิ่นที่เพิ่งทำลายค่ายทหาร 4 ค่าย และสถานีตำรวจในเมืองเมเซ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐกะยา
เมืองเมเซ ที่เป็นที่ตั้งของกองบัญชาการของกองกำลังติดอาวุธ อยู่ห่างจากกรุงเนปีดอ ทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 200 กิโลเมตร
สมาชิกของ KNPLF กล่าวว่า เพื่อนของเขาบางคนร่วมมือกับกองกำลังต่อต้านติดอาวุธในพื้นที่อย่างเงียบๆ ก่อนที่หน่วยกองกำลังพลเรือนจะเข้าร่วมต่อสู้กองทัพอย่างเปิดเผยในเมืองเมเซในกลางเดือน มิ.ย.
แม้ว่าหน่วยพิทักษ์ชายแดนในรัฐกะยาจะสังกัดกองทัพอย่างเป็นทางการ แต่ KNPLF ก็รักษาระยะห่างจากรัฐบาลทหาร และไม่กี่วันหลังการยึดอำนาจในปี 2564 กลุ่มได้ออกคำแถลงประณามการยึดอำนาจของกองทัพและเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ถูกคุมขังทางการเมือง
สมาชิกในคณะกรรมการกลางของพรรคก้าวหน้าแห่งชาติกะเหรี่ยงแดงยืนยันถึงการแปรพักตร์ของทั้ง 2 หน่วยที่ไปเข้าร่วมกับฝ่ายต่อต้าน โดยเขาเปิดเผยกับสำนักข่าวเอพีว่าสมาชิกของกองกำลังพลเรือนติดอาวุธเหล่านี้ไม่สามารถทนต่อการที่กองทัพสังหารสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาได้
เขากล่าวว่า รัฐบาลทหารตอบโต้การแปรพักตร์ ด้วยการทิ้งระเบิดลงยังหนึ่งในฐานของหน่วยพิทักษ์ชายแดน และสถานที่อื่นๆ และส่งทหารไปที่เมืองเมเซ เขากล่าวว่าราวครึ่งหนึ่งของชาวเมืองได้หลบหนีเข้าไทยหรือซ่อนตัวอยู่ในป่าและพื้นที่ใกล้เคียง
อย่างไรก็ตาม ทหาร 18 นาย จากหนึ่งในค่ายทหารที่ยังเหลืออยู่ในเมืองเมเซ ยอมพ่ายแพ้เมื่อวันเสาร์ (24) และตอนนี้ กองกำลังฝ่ายต่อต้านสามารถควบคุมเมืองได้ 80%.