เอเอฟพี - ฮิวแมนไรท์วอทช์วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อแผนส่งผู้ลี้ภัยโรฮิงญาจากบังกลาเทศกลับพม่า โดยระบุว่า เป็นความเสี่ยงร้ายแรงต่อชีวิตและเสรีภาพของคนเหล่านั้น
บังกลาเทศเป็นที่อยู่อาศัยของชาวโรฮิงญาประมาณ 1 ล้านคน ที่ส่วนใหญ่หลบหนีการปราบปรามของทหารในพม่าในปี 2560 ซึ่งขณะนี้อยู่ภายใต้การสอบสวนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของสหประชาชาติ
สองประเทศกำลังพยายามที่จะดำเนินแผนการส่งกลับผู้ลี้ภัยราว 1,100 คน ในโครงการนำร่องที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แม้ว่าสหประชาชาติจะกล่าวซ้ำหลายหนว่าเงื่อนไขต่างๆ ยังไม่ถูกต้อง
“ทางการบังกลาเทศไม่ควรลืมเหตุผลที่ชาวโรฮิงญาต้องกลายเป็นผู้ลี้ภัยตั้งแต่แรก และตระหนักว่ายังไม่มีปัจจัยใดได้เปลี่ยนแปลง” ฮิวแมนไรท์วอทช์ ระบุ
“บังกลาเทศคับข้องใจกับภาระหน้าที่ในฐานะผู้ให้อยู่อาศัย แต่การส่งผู้ลี้ภัยกลับไปสู่การควบคุมของรัฐบาลทหารพม่าที่โหดเหี้ยม จะเป็นเพียงแค่การเตรียมรับกับการอพยพครั้งใหญ่ครั้งต่อไป” ฮิวแมนไรท์วอทช์ ระบุในคำแถลง
โรฮิงญาราว 600,000 คน ในรัฐยะไข่ของพม่าถูกกักขังอยู่ในค่ายพักและหมู่บ้านที่ทำให้พวกเขาเสี่ยงเผชิญกับเหตุการณ์ทางสภาพอากาศที่เลวร้าย เช่น ไซโคลนโมคาเมื่อไม่นานนี้
พายุลูกดังกล่าวพัดถล่มพม่าเมื่อสัปดาห์ก่อนและทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 145 คน ตามการระบุของทางการพม่า
ในเดือนนี้ ชาวโรฮิงญา 20 คน ได้เดินทางไปเยี่ยมค่ายผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในรัฐยะไข่ ที่รัฐบาลทหารพม่าวางแผนจะให้เป็นบ้านของพวกเขา ซึ่งเอเอฟพีได้พูดคุยกับหลายคนที่เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางเยือนดังกล่าว และพวกเขาได้แสดงความวิตกอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเกิดไซโคลนที่สร้างความเสียหายให้รัฐยะไข่
“เราไม่พร้อมที่จะกลับไปพม่า ข้อตกลงที่พวกเขาวางไว้ให้เราไม่เพียงพอต่อความปลอดภัยของเรา เรายังไม่ได้รับความยุติธรรมใดๆ จากการประหัตประหารที่เกิดขึ้นกับเราก่อนหน้านี้ เราไม่ไว้วางใจรัฐบาลพม่าแม้เปอร์เซ็นต์เดียว” ชาวโรฮิงญาอายุ 38 ปี กล่าว
ส่วนชาวโรฮิงญาคนที่ 2 กล่าวว่า กองทัพพม่าไม่พยายามที่จะช่วยญาติของเขาจากไซโคลนโมคา
“สิ่งที่พวกเขาสร้างให้เรา ตอนนี้ถูกพายุไซโคลนพัดถล่มไปแล้ว” ชายชาวโรฮิงญา กล่าว
ด้านกรรมาธิการผู้ลี้ภัยของบังกลาเทศกล่าวปฏิเสธถึงคำกล่าวอ้างๆ ว่าบีบบังคับให้โรฮิงญากลับประเทศ หรือไม่ปรึกษาหารือกับพวกเขา
“การส่งกลับประเทศเป็นไปตามความสมัครใจ คำกล่าวอ้างของฮิวแมนไรท์วอทช์ไม่เป็นความจริง” เจ้าหน้าที่บังกลาเทศกล่าว.