xs
xsm
sm
md
lg

"กองทัพว้า" จัดสวนสนามฉลองหยุดยิงกับพม่าครบ 34 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


การสวนสนามของกองทัพว้าในวันครบรอบ 34 ปี ที่หยุดยิงกับกองทัพพม่า ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองป้อก เมื่อวานนี้ (ภาพจากคลิปข่าวที่เสนอโดยสถานีโทรทัศน์ DVB)
MGR Online - กองทัพว้าสวนสนามแสดงพลังอีกครั้งในโอกาสหยุดยิงกับพม่าครบ 34 ปี แต่ไม่จัดใหญ่เหมือนเมื่อ 4 ปีก่อน ที่โชว์อาวุธหนักจนถูกกองทัพพม่าเขม่น

วานนี้ (17 เม.ย.) กองทัพสหรัฐว้า (UWSA) ได้จัดพิธีสวนสนามเนื่องในโอกาสหยุดยิงกับกองทัพพม่าครบรอบ 34 ปี ซึ่งกองทัพว้าเรียกเป็น “วันสันติภาพ”

พิธีสวนสนามจัดขึ้น 2 แห่ง โดยกองบัญชาการกองทัพว้าภาคเหนือ จัดสวนสนามที่เมืองป้อก ทางใต้ของเมืองป๋างซาง ซึ่งพื้นที่รับผิดชอบของกองพลที่ 468 แม้ในทางการปกครอง เมืองป้อกเป็นพื้นที่ระดับตำบลที่ขึ้นกับอำเภอเมืองยาง จังหวัดเชียงตุง แต่ในทางปฏิบัติ กองทัพว้าได้เข้ามาควบคุมพื้นที่เมืองป้อกไว้ได้แล้วทั้งหมด


ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจชาวจีน และชาวว้าได้นำเงินทุนจำนวนมหาศาลเข้ามาสร้างกิจการบันเทิงครบวงจรหลายแห่งอยู่ในเมืองป้อก และมีการหลอกลวงหญิงสาวชาวไทยจำนวนมากให้ลักลอบข้ามประเทศไปทำงานโดยใช้ตัวเลขเงินเดือนที่สูงเป็นตัวล่อ แต่ความจริงแล้ว กลับกลายเป็นการไปขายบริการเพื่อแลกกับรายได้เพียงเล็กน้อย และต้องทำงานเยี่ยงทาส

ส่วนกองทัพว้าภาคใต้ จัดสวนสนามภายในฐานบัญชาการกองพลน้อยที่ 772 เขตทหาร 171 ในตำบลเมืองจ๊อต อำเภอเมืองโต๋น จังหวัดเมืองสาต ตรงข้ามกับตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

เขตทหาร 171 ของกองทัพว้าภาคใต้ มีฐานบัญชาการใหญ่อยู่ที่อำเภอเมืองสาต จังหวัดเมืองสาต ฝั่งตะวันตกของจังหวัดท่าขี้เหล็ก มีพื้นที่ปฏิบัติการตลอดแนวชายแดนรัฐชาน-ไทย ตั้งแต่ฝั่งตรงข้ามอำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ไล่มายังอำเภอแม่อาย ฝาง เชียงดาว เวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ชายแดนรัฐชาน-ไทยด้านนี้เป็นพื้นที่ซึ่งขบวนการค้ายาเสพติดใช้ขนยาข้ามประเทศบ่อยครั้งที่สุด


อย่างไรก็ตาม การจัดสวนสนามของกองทัพว้าปีนี้ไม่ยิ่งใหญ่เหมือนที่เคยจัดเมื่อปี 2562 ภาพข่าวการสวนสนามที่ถูกเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ ของพม่าเมื่อวานนี้ ล้วนมาจากคลิปข่าวของสถานีโทรทัศน์ DVB เพียงแหล่งเดียว

ราว 4 ปีที่แล้ว เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2562 กองทัพว้าจัดพิธีสวนสนามครั้งยิ่งใหญ่ที่เมืองป๋างซาง เพื่อฉลองครบรอบ 30 ปี การหยุดยิงกับกองทัพพม่า มีการนำอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่เกือบทั้งหมดมาโชว์แสดงแสนยานุภาพ สร้างความตื่นตะลึงเมื่อปรากฏภาพออกไปตามสื่อต่างๆ แต่ทำให้กองทัพพม่าไม่พอใจ เพราะมองว่าเป็นเหมือนการท้าทาย และกองทัพว้าได้ปฏิเสธในภายหลังว่าไม่ได้มีวัตถุประสงค์เช่นนั้น

หลังโควิด-19 ระบาดเข้าไปในพม่าตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 สหรัฐว้าเป็นพื้นที่ซึ่งพบผู้ป่วยโควิด-19 เป็นจำนวนมาก จนต้องล็อกดาวน์ปิดพื้นที่ห้ามคนเดินทางเข้าออกนานเกือบ 3 ปี ทำให้การสวนสนามในวัน “สันติภาพ” ได้ถูกระงับไปโดยปริยาย และเพิ่งกลับมาจัดใหม่อีกครั้งในปีนี้


“ว้า” หรือที่คนไทยรู้จักกันในนาม “ลัวะ” หรือ “ละว้า” เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ขนาดใหญ่ และเก่าแก่ที่สุดในดินแดนตอนเหนือของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือของไทย ลาว รัฐชาน และทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน

ช่วงที่มีการเผยแพร่อุดมการณ์ลัทธิคอมมิวนิสต์จากจีนลงมาในดินแดนตอนใต้ “ว้า” ในนามกองทัพว้าแดง ได้ติดอาวุธและเข้าร่วมปฏิบัติการกับพรรคคอมมิวนิสต์พม่า จนถึงวันที่ 17 เมษายน 2532 จึงได้แยกตัวออกมาเพื่อสถาปนากองทัพสหรัฐว้าขึ้น และทำสัญญาหยุดยิงกับกองทัพพม่า

รัฐบาลพม่าได้ตอบแทนโดยมอบพื้นที่บริเวณชายแดนรัฐชาน-จีน ตรงข้ามกับเขตปกครองตนเองชนชาติไตและว้า กึ่งม้า จังหวัดหลินชาง มณฑลยูนนาน ให้เป็นเขตปกครองตนเองชาติพันธุ์ว้า

เขตปกครองตนเองว้า ประกอบด้วย อำเภอป๋างซาง อำเภอโหป่าง อำเภอเมืองใหม่ อำเภอป๋างหวาย อำเภอนาพาน และอำเภอหมากหมาง มีอำเภอป๋างซาง หรือปางคำเป็นเมืองหลวง มีพื้นที่ครอบคลุมตั้งแต่ทางใต้ของเขตปกครองตนเองโกก้าง ลงมาบรรจบกับพื้นที่เขตพิเศษหมายเลข 4 เมืองลา และจังหวัดเชียงตุง

ปี 2533 กองทัพพม่าได้ขอให้กองทัพว้าส่งกำลังทหารจากป๋างซางลงมาช่วยรบกับกองทัพไทใหญ่ ซึ่งขณะนั้นมีขุนส่าเป็นผู้นำ บริเวณชายแดนรัฐชานที่ติดกับประเทศไทย กองทัพว้าได้เคลื่อนย้ายกำลังพลมาตั้งฐานบัญชาการอยู่ในจังหวัดเมืองสาต เพื่อรบกับกองทัพไทใหญ่

เมื่อสถานการณ์สู้รบในพื้นที่คลี่คลายลง กองทัพพม่าได้ตอบแทนด้วยการยกพื้นที่จังหวัดเมืองสาตให้เป็นเขตปกครองของว้าเพิ่มขึ้นอีก 1 แห่ง

รัฐธรรมนูญพม้า ฉบับปี 2551 ได้รับรองดินแดนทั้ง 2 พื้นที่ของว้าให้เป็นเขตพิเศษหมายเลข 2 ที่ปกครองโดยกองทัพสหรัฐว้า

แต่ว้าพยายามเรียกร้องกับรัฐบาลพม้ามาตลอด ให้สถาปนาพื้นที่ของตนเองขึ้นเป็นรัฐชาติพันธุ์ลำดับที่ 8 โดยนอกจาก 2 พื้นที่ซึ่งมีอยู่ปัจจุบันแล้ว ยังให้รวมพื้นที่ในฝั่งตะวันออกของแม่น้ำสาละวินทั้งหมด ที่รวมจังหวัดเชียงตุงเข้าไปด้วย แต่รัฐบาลพม้ายังไม่ตอบรับ โดยให้เหตุผลว่าการสถาปนารัฐชาติพันธุ์ขึ้นใหม่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2551.




กำลังโหลดความคิดเห็น