เอเอฟพี - สหรัฐฯ และเวียดนามได้กล่าวในวันเสาร์ (15) ว่าพวกเขาหวังที่จะยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูต ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากความตึงเครียดกับจีนเกี่ยวกับไต้หวันปะทุขึ้น
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ เดินทางผ่านกรุงฮานอยระหว่างเดินทางไปร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่ม G7 ในญี่ปุ่น โดยบลิงเคนได้เข้าพบผู้นำเวียดนามในวันเสาร์ (15) เพื่อปูทางสู่การยกระดับทางการทูตสู่การเป็น ‘หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์’
ทั้งสองประเทศมีความเชื่อมโยงทางการค้าใกล้ชิดกันมากขึ้น ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายต่างมีความกังวลร่วมกันเกี่ยวกับความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของจีนในภูมิภาคนี้
“เราคิดว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ดีในการยกระดับความเป็นหุ้นส่วนที่มีอยู่ของเรา เรามีความร่วมมืออย่างครอบคลุมในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ที่สร้างรากฐานของความร่วมมือที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อในหลากหลายด้าน ด้วยเหตุนี้ เราคิดว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะก้าวต่อไป” บลิงเคน กล่าวกับนักข่าว
รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวว่า ทีมของพวกเขาจะดำเนินการสิ่งนี้ในอีกไม่กี่สัปดาห์และหลายเดือนข้างหน้า และเสริมว่าพวกเขากำลังดำเนินการขั้นสุดท้ายในการโอนเรือของหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ ลำที่ 3 มาเวียดนาม เพื่อเสริมขีดความสามารถของเวียดนามในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงทางทะเลในทะเลจีนใต้
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ฮานอยอาจลังเลที่จะยกระดับความสัมพันธ์ให้มากขึ้น ด้วยระวังที่จะไม่ทำให้ปักกิ่งไม่พอใจ ที่แม้ว่าจีนจะอ้างสิทธิในทะเลจีนใต้ แต่เพื่อนบ้านทางเหนือของพวกเขาก็เป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญเช่นกัน
นายกรัฐมนตรีฝ่าม มีง จีง ของเวียดนามระบุว่า ฮานอยเห็นพ้องที่จะยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสองประเทศสู่ระดับใหม่
การเยือนครั้งนี้มีขึ้นหลังการหารือเมื่อเดือนที่แล้วระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ และเหวียน ฝู จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม
จีนเสร็จสิ้นการซ้อมรบรอบไต้หวันเมื่อวันจันทร์ ในการแสดงแสนยานุภาพครั้งล่าสุดต่อเกาะที่ปกครองตนเองแห่งนี้ การฝึกซ้อมดังกล่าวมีขึ้นเพื่อตอบโต้ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวัน ที่เข้าพบสมาชิกสภานิติบัญญัติในสหรัฐฯ
บลิงเคน และลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้จัดการเจรจาร่วมกันกับรัฐมนตรีของฟิลิปปินส์ในวอชิงตัน 1 วันต่อมาหลังมีข้อตกลงให้กองกำลังของสหรัฐฯ เข้าถึงฐานทัพในฟิลิปปินส์ได้มากขึ้น รวมถึงฐานที่อยู่ใกล้กับไต้หวัน
การเยือนเวียดนามครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของบลิงเคนในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งเขายังได้เข้าร่วมในพิธีวางศิลาฤกษ์สำหรับการก่อสร้างสถานทูตสหรัฐฯ สูง 8 ชั้นแห่งใหม่ในกรุงฮานอย
“พิธีวางศิลาฤกษ์ และสถานทูตแห่งใหม่ที่เราจะสร้างขึ้นนี้ เป็นอีกก้าวสำคัญของการส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญระหว่างประเทศของเราและระหว่างประชาชนของเรา” บลิงเคน กล่าว
การเดินทางครั้งนี้มีขึ้นหลังสหรัฐฯ เรียกร้องให้ทางการเวียดนามปล่อยตัว เหวียน ลาน ท้าง นักข่าวที่ถูกตัดสินจำคุก 6 ปี เมื่อต้นสัปดาห์ ฐานเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อต่อต้านรัฐ
เวียดนามควบคุมเสรีภาพในการแสดงออกอย่างเข้มงวดและรัฐบาลดำเนินการอย่างรวดเร็วในการปราบปรามผู้เห็นต่างและจับกุมผู้วิจารณ์ ขณะที่สื่ออิสระไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการในประเทศ
บลิงเคนกล่าวว่า เขายังคงเน้นย้ำว่าความคืบหน้าด้านสิทธิมนุษยชนในอนาคตเป็นสิ่งสำคัญที่จะเป็นการปลดปล่อยศักยภาพของชาวเวียดนามได้อย่างเต็มที่.