เอเอฟพี - พันธมิตรของกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์พม่าที่ได้รับการสนับสนุนจากจีนเรียกร้องให้ปักกิ่งช่วยคลี่คลายวิกฤตนองเลือดหลังการรัฐประหารกำลังทำลายประเทศ
จีนเป็นพันธมิตรและผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่ให้กับรัฐบาลทหารที่ถูกนานาประเทศโดดเดี่ยว และปฏิเสธที่จะเรียกการกระทำของทหารว่าเป็นการปฏิวัติ ที่ขับไล่รัฐบาลของอองซานซูจีเมื่อ 2 ปีก่อน
นักวิเคราะห์ระบุว่าปักกิ่งยังสนับสนุนและติดอาวุธให้กับกลุ่มกบฎชาติพันธุ์หลายกลุ่มตามแนวชายแดนพม่า ซึ่งบางกลุ่มปะทะกับกองทัพบ่อยครั้งหลังการรัฐประหาร
คณะกรรมการเจรจาและปรึกษาทางการเมืองแห่งสหพันธรัฐ (FPNCC) เป็นการรวมตัวกันของ 7 กลุ่มชาติพันธุ์ ที่มีนักรบติดอาวุธที่ได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดีรวมกันแล้วหลายหมื่นนาย
“เรายินดีและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของจีนที่จะยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในพม่า” FPNCC กล่าว หลังการประชุมในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การดูแลของพรรคสหรัฐว้า (UWSP)
ด้วยมีกองกำลังประจำการราว 25,000 นาย กองกำลังของ UWSP ถือเป็นหนึ่งในกองทัพที่ไม่ใช่ของรัฐที่ใหญ่ที่สุดในโลก
แม้คำแถลงของ FPNCC จะไม่ได้ให้รายละเอียดว่าการมีส่วนร่วมของปักกิ่งแบบใดที่พวกเขาสนับสนุน แต่คำแถลงระบุว่ากลุ่มพันธมิตรจะทำงานร่วมกับรัฐบาลจีนต่อไปเพื่อปรับปรุงเสถียรภาพของพื้นที่ชายแดน
การสู้รบที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ ตามแนวชายแดนก่อนการรัฐประหารทำให้ผู้คนหลายพันคนต้องหลบหนีเข้าไปในฝั่งจีน และนักวิเคราะห์กล่าวว่าเมื่อไม่นานนี้ ปักกิ่งเพิ่งกดดันกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ทางตอนเหนือให้อยู่ห่างจากความขัดแย้งหลังการรัฐประหาร
แต่สมาชิกของ FPNCC หลายคนได้ให้ที่พักและฝึกอาวุธแก่กองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) ที่ผุดขึ้นทั่วประเทศเพื่อต่อต้านการรัฐประหาร
เมื่อปีที่ผ่านมา การโจมตีทางอากาศของกองทัพที่ถล่มงานคอนเสิร์ตของกองกำลัง KIA ในรัฐกะฉิ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 50 คน และได้รับบาดเจ็บมากกว่า 70 คน กลุ่มติดอาวุธระบุ
หลายโครงการในโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) ของปักกิ่งวางแผนที่จะตัดผ่านพื้นที่ทางตอนเหนือของพม่า เชื่อมมณฑลหยุนหนานของจีนที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลกับมหาสมุทรอินเดีย
ผู้แทนพิเศษว่าด้วยกิจการพม่าของจีนได้พบหารือกับพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย อย่างน้อย 2 ครั้ง นับตั้งแต่เขาได้รับการแต่งตั้งในเดือนธ.ค. และยังได้พบหารือกับผู้นำกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ด้วย
นอกจากนี้ นักการทูตของปักกิ่งกำลังเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยระหว่างพม่าและบังกลาเทศในโครงการนำร่องส่งผู้ลี้ภัยโรฮิงญากลับประเทศ หลังจากหลบหนีการปราบปรามของทหารพม่าในปี 2560 โดยเอกอัครราชทูตปักกิ่งประจำกรุงธากากล่าวกับนักข่าวเมื่อวันอังคารว่าการส่งผู้ลี้ภัยกลับประเทศจะเริ่มขึ้นในเร็วๆ นี้ .