xs
xsm
sm
md
lg

เวียดนามคุมเข้มเฟกนิวส์ เล็งปรับกฎลบเนื้อหาเท็จพ้นโลกโซเชียลภายใน 24 ชม.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รอยเตอร์ - รัฐมนตรีกระทรวงข้อมูลของเวียดนามระบุว่า ทางการได้ปรับแก้กฎระเบียบสำหรับจัดการเนื้อหา ‘เท็จ’ บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมีความเข้มงวดยิ่งขึ้น โดยกำหนดให้เนื้อหาที่ไม่ถูกต้องเหล่านั้นต้องถูกลบออกจากแพลตฟอร์มภายใน 24 ชั่วโมง จากเดิมที่กำหนดไว้ 48 ชั่วโมง

กฎระเบียบใหม่นี้ยิ่งตอกย้ำถึงจุดยืนของเวียดนามที่เป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบอบการปกครองที่เข้มงวดที่สุดในโลกสำหรับบริษัทสื่อสังคมออนไลน์ และจะยิ่งเป็นการเสริมอำนาจให้พรรคคอมมิวนิสต์ที่ปกครองประเทศในการดำเนินการปราบปรามกิจกรรมต่อต้านรัฐ

รัฐมนตรีกระทรวงข้อมูลและการสื่อสารกล่าวต่อรัฐสภาว่า มีความเสี่ยงที่ ‘ข่าวเท็จหากถูกจัดการล่าช้าจะยิ่งแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง’

ก่อนหน้านี้ รอยเตอร์เคยรายงานเกี่ยวกับแผนของรัฐบาลที่จะนำกฎใหม่มาใช้ ตลอดจนข้อบังคับต่างๆ เพื่อที่ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนมากจะต้องถูกลบออกภายใน 3 ชั่วโมง

รัฐบาลส่วนใหญ่ไม่มีกฎหมายที่บังคับให้บริษัทสื่อสังคมออนไลน์ลบเนื้อหา แต่ความเคลื่อนไหวของเวียดนามเกิดขึ้นท่ามกลางการปราบปรามเนื้อหาออนไลน์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นในบางพื้นที่ของโลก

รัฐมนตรีของเวียดนามระบุว่า บทลงโทษในปัจจุบันของประเทศสำหรับการโพสต์และเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องนั้นมีความรุนแรงน้อยกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึง 10 เท่า

“กระทรวงจะเสนอให้รัฐบาลเพิ่มค่าปรับไปยังระดับที่สูงพอที่จะป้องปรามประชาชน” รัฐมนตรี กล่าว

นอกจากนี้ เขายังเสนอให้ทางการจัดการกับ ‘News-lisation’ คำที่เวียดนามใช้อธิบายเมื่อผู้คนถูกทำให้เข้าใจผิดคิดว่าบัญชีสื่อสังคมออนไลน์นั้นๆ เป็นช่องทางข่าวที่ได้รับอนุญาต ให้เสร็จสิ้นภายในปี 2566

ทั้งนี้ เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา รอยเตอร์ได้รายงานว่ารัฐบาลกำลังเตรียมกฎระเบียบเพื่อจำกัดบัญชีโซเชียลมีเดียที่สามารถโพสต์เนื้อหาเกี่ยวกับข่าวได้

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เวียดนามที่เป็นตลาดมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์สำหรับเฟซบุ๊กได้ออกกฎระเบียบด้านอินเทอร์เน็ตเข้มงวดขึ้น ผ่านกฎหมายความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่มีผลบังคับใช้ในปี 2562 และออกแนวทางปฏิบัติแห่งชาติว่าด้วยพฤติกรรมการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ในเดือน มิ.ย.2564

บรรดานักวิจารณ์ได้แสดงความกังวลว่ากฎหมายเหล่านี้อาจมอบอำนาจให้ทางการปราบปรามผู้เห็นต่างได้มากยิ่งขึ้น.
กำลังโหลดความคิดเห็น