เอเอฟพี - องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือยูนิเซฟ (UNICEF) เผยว่านับตั้งแต่การรัฐประหารในพม่าเมื่อปีก่อน มีประชาชนพลัดถิ่นในประเทศมากกว่า 1 ล้านคน
ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ในความโกลาหลนับตั้งแต่กองทัพขับไล่รัฐบาลของอองซานซูจีเมื่อปีที่ผ่านมา ที่นำไปสู่การต่อต้านด้วยอาวุธอย่างกว้างขวาง
รัฐบาลทหารตอบโต้ด้วยการปราบปรามที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า รวมถึงการรื้อทำลายหมู่บ้าน การวิสามัญฆาตกรรมหมู่ และการโจมตีทางอากาศต่อพลเรือน
นับตั้งแต่การรัฐประหารจนถึงเดือนที่ผ่านมา มีประชาชน 1,017,000 คน เป็นผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ ยูนิเซฟระบุในคำแถลง และเสริมว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้พลัดถิ่นอยู่ในภูมิภาคสะกาย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ พื้นที่ที่เกิดเหตุต่อสู้ดุเดือดรุนแรงอยู่หลายครั้ง
ยูนิเซฟระบุว่า มีความท้าทายสำคัญในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในภูมิภาคที่มีเหตุต่อสู้กันระหว่างกองกำลังทหารฝ่ายรัฐบาล กองกำลังติดอาวุธสนับสนุนทหาร และนักสู้ฝ่ายต่อต้านการรัฐประหาร และยังเป็นพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่มักตัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
ขณะเดียวกัน หน่วยงานด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติระบุว่า ทรัพย์สินพลเรือนมากกว่า 12,000 แห่ง ถูกเผาหรือทำลายทั่วพม่านับตั้งแต่การรัฐประหาร
เมื่อเดือนที่ผ่านมา มีเด็กนักเรียนอย่างน้อย 11 คน เสียชีวิตในการโจมตีทางอากาศและยิงใส่หมู่บ้านในภูมิภาคสะกาย การโจมตีที่รัฐบาลทหารระบุว่ามุ่งเป้าที่กลุ่มกบฏที่หลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่
ทั้งนี้ ความพยายามทางการทูตที่จะยุติวิกฤตในพม่าแทบไม่มีความคืบหน้า โดยฉันทมติที่ตกลงกันเมื่อปีก่อนโดยสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่มีจุดมุ่งหมายที่จะอำนวยความสะดวกในการเจรจาระหว่างกองทัพและฝ่ายตรงข้ามและจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ถูกรัฐบาลทหารเพิกเฉยเป็นส่วนใหญ่.