MGR Online - กระทรวงพลังงานลาวสั่งให้เขื่อนผลิตไฟฟ้าทุกแห่งทั่วประเทศเฝ้าระวังปริมาณน้ำเหนือเขื่อน วางแผนบริหารจัดการ และแผนรับมือเหตุฉุกเฉิน หลังพายุโซนร้อน “โนรู” กำลังเคลื่อนตัวใกล้เข้ามา ทำให้มีลมพัดแรง และฝนตกหนักในทุกแขวง ตั้งแต่ภาคกลางยันภาคเหนือ
วันที่ 23 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานและบ่อแร่ สปป.ลาว ได้มีหนังสือส่งถึงเขื่อนผลิตไฟฟ้าทุกแห่งทั่วประเทศให้เฝ้าระวังระดับน้ำเหนือเขื่อน และเตรียมมาตรการรับมือกับเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดจากพายุ
หนังสือฉบับนี้ อ้างอิงประกาศแจ้งเตือนของกรมอุตุนิยมและอุทกศาสตร์ ฉบับที่ 1 ที่ออกมาในวันเดียวกันก่อนหน้านั้น ซึ่งระบุว่า พายุโซนร้อน “โนรู” (Noru) กำลังจะส่งผลกระทบต่อหลายพื้นที่ในภาคกลางและภาคเหนือของลาว ระหว่างวันที่ 25-28 กันยายน 2565
กรมควบคุมความปลอดภัยอุตสาหกรรมพลังงาน จึงแจ้งไปยังเขื่อนผลิตไฟฟ้าทุกแห่งให้ติดตามข่าวพยากรณ์อากาศ เฝ้าระวังและตรวจตราระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน วางแผนบริหารจัดการน้ำเพื่อความปลอดภัยของเขื่อน และวางแผนรับมือกรณีที่อาจมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น
สำหรับประกาศแจ้งเตือนของกรมอุตุนิยมและอุทกศาสตร์ ฉบับที่ 1 ที่ออกมาในตอนเช้าวันที่ 23 กันยายน 2565 นั้น ให้ข้อมูลว่าพายุโซนร้อนโนรู กำลังก่อตัวอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ทางฝั่งตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ คาดว่าจะขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามในวันที่ 26 กันยายน และจะเคลื่อนตัวผ่านภาคกลางกับภาคเหนือของลาว ในวันที่ 27-28 กันยายน ทำให้เกิดฝนตกหนักและมีลมพัดแรง
โดยพื้นที่ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย แขวงผ้งสาลี หัวพัน เชียงขวาง หลวงน้ำทา บ่อแก้ว อุดมไซ หลวงพระบาง ไซยะบูลี เวียงจันทน์ ไซสมบูน นครหลวงเวียงจันทน์ บ่อลิคำไซ คำม่วม สะหวันนะเขต
ในพื้นที่เหล่านี้มีเขื่อนผลิตไฟฟ้าตั้งอยู่หลายแห่ง เช่น เขื่อนน้ำอู 1-7 เขื่อนน้ำทา 1 เขื่อนน้ำคาน 2-3 เขื่อนไซยะบูลี เขื่อนน้ำลีก 1-2 เขื่อนน้ำงึม 5 เขื่อนน้ำเทิน 1 และเมื่อครั้งที่พายุมู่หลาน พัดผ่านลาวในต้นเดือนสิงหาคม ทำให้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเพิ่มสูงขึ้น จนมีหลายเขื่อนที่กล่าวถึงข้างต้นจำเป็นต้องระบายน้ำผ่านประตูน้ำล้น (Spillway) ออกมา ทำให้เกิดน้ำท่วมกินบริเวณกว้างในหลายพื้นที่ท้ายเขื่อน
สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดของพายุโซนร้อนโนรู วันนี้ (25 ก.ย.) ศูนย์กลางพายุอยู่ทางตะวันออกของเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ และกำลังเคลื่อนตัวเพื่อขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามในวันที่ 27 กันยายน จากนั้นจะเข้าสู่พื้นที่ของลาว และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยในวันที่ 28 กันยายนที่จะถึงนี้.