เอพี/รอยเตอร์ - รัฐบาลทหารพม่าประกาศวันนี้ (25) ว่าได้ดำเนินการประหารชีวิตเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 50 ปี โดยแขวนคออดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย และชาย 2 คน ที่ถูกกล่าวหาว่าใช้ความรุนแรงหลังการยึดอำนาจของทหารเมื่อปีก่อน
การประหารชีวิตที่รายงานในหนังสือพิมพ์มิเรอร์ เดลี ของรัฐ ได้ดำเนินการขึ้นท่ามกลางเสียงวิงวอนจากทั่วโลกขอผ่อนผันโทษของนักโทษทางการเมืองทั้ง 4 ที่รวมถึงผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติและกัมพูชา ที่ดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียนของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
"ทั้ง 4 คนถูกประหารชีวิตตามกระบวนการทางกฎหมาย จากการกำกับและจัดการการกระทำที่สมรู้ร่วมคิดอย่างโหดร้ายและขาดมนุษยธรรมของการสังหารก่อการร้าย" หนังสือพิมพ์มิเรอร์ เดลี รายงาน แต่ไม่ได้ระบุว่าการประหารชีวิตเกิดขึ้นเมื่อใด
รัฐบาลทหารออกคำแถลงสั้นๆ ยืนยันรายงานดังกล่าว ขณะที่เรือนจำที่ทั้ง 4 ถูกคุมขัง และกรมราชทัณฑ์ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น
อ่อง เมียว มิน รัฐมนตรีกระทรวงสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) รัฐบาลเงาที่ตั้งขึ้นนอกพม่าหลังทหารยึดอำนาจในเดือน ก.พ.2564 ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าทั้ง 4 มีส่วนเกี่ยวข้องในความรุนแรง
“การลงโทษพวกเขาด้วยความตายเป็นวิธีที่จะปกครองประชาชนด้วยความหวาดกลัว” อ่อง เมียว มิน กล่าวกับเอพี
ในบรรดาผู้ที่ถูกประหารชีวิต หนึ่งในนั้นคือ เพียว เซยา ตอ อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติของพรรคอองซานซูจี หรือที่รู้จักในชื่อ หม่อง จ่อ ซึ่งเขาถูกศาลทหารตัดสินโทษในเดือน ม.ค. จากความผิดที่เกี่ยวข้องกับวัตถุระเบิด การวางระเบิด และการให้ทุนสนับสนุนการก่อการร้าย
ตาซิน ยุ้น อ่อง ภรรยาของเพียว เซยา ตอ กล่าวกับเอพีว่า เธอไม่ได้รับแจ้งเรื่องการประหารชีวิตสามีของเธอ พร้อมกับเสริมว่าโลกต้องให้กองทัพรับผิดชอบต่อการประหารครั้งนี้
“พวกเขาต้องชดใช้” ตาซิน ยุ้น อ่อง กล่าว
สถานทูตสหรัฐฯในพม่าได้แสดงความเสียใจต่อการจากไปของชายทั้ง 4 คน และได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวของพวกเขา ขณะเดียวกัน ก็ได้กล่าวประณามการตัดสินใจการประหารชีวิต
“เราขอประณามการประหารชีวิตของรัฐบาลทหารต่อผู้นำที่สนับสนุนประชาธิปไตยและเจ้าหน้าที่ที่มาจากการเลือกตั้งจากการใช้เสรีภาพขั้นพื้นฐานของพวกเขา” สถานทูตระบุ
ในจีน พันธมิตรเก่าแก่ของกองทัพพม่า จ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อการประหาร แต่กล่าวเพียงว่าปักกิ่งยึดมั่นในหลักการของการไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่นเสมอ
เพียว เซยา ตอ อายุ 41 ปี ถูกจับกุมตัวเมื่อเดือน พ.ย.2564 ตามข้อมูลที่ได้จากผู้ที่ถูกควบคุมตัวในข้อหายิงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย สื่อของรัฐระบุในขณะนั้น เขายังถูกกล่าวหาว่าเป็นบุคคลสำคัญในเครือข่ายที่ดำเนินการในสิ่งที่ทหารระบุว่า เป็นการโจมตีก่อการร้ายในนครย่างกุ้ง เมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ
เพียว เซยา ตอ เป็นนักดนตรีฮิปฮอป ก่อนเข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง Generation Wave ที่ตั้งขึ้นในปี 2550 เขาถูกจำคุกในปี 2551 ในสมัยของรัฐบาลทหารชุดก่อนหลังถูกกล่าวหาว่าสมาคมและครอบครองสกุลเงินต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย
ผู้ที่ถูกประหารอีกรายคือ จ่อ มิน ยู นักเคลื่อนไหวประชาธิปไตยอายุ 53 ปี หรือที่รู้จักในชื่อ โก จิมมี ในข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการก่อการร้าย จ่อ มิน ยู เป็นหนึ่งในผู้นำของกลุ่มนักศึกษารุ่น 88 ที่เคยลุกฮือต่อต้านการปกครองของทหารในปี 2531 แต่ล้มเหลว
เขาถูกคุมขังนานกว่า 10 ปี จากการเคลื่อนไหวทางการเมือง ก่อนที่จะถูกจับกุมตัวอีกครั้งในย่างกุ้งเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา เขาถูกขึ้นบัญชีเป็นบุคคลที่ทางการต้องการตัวจากการโพสต์สื่อสังคมออนไลน์ที่ถูกกล่าวหาว่าปลุกปั่นความไม่สงบ และสื่อของรัฐกล่าวว่า เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายที่รวมถึงการโจมตีด้วยกับระเบิด และเป็นหัวหน้ากลุ่มที่ชื่อว่า Moon Light Operation ที่ก่อเหตุโจมตีแบบกองโจรในชุมชนเมือง
ส่วนชายอีก 2 คน คือ หล่า เมียว อ่อง และอ่อง ตูระ ซอ ถูกตัดสินลงโทษจากข้อหาทรมานและสังหารผู้หญิงรายหนึ่งในเดือน มี.ค.2564 ที่พวกเขากล่าวหาว่าเป็นสายให้ทหาร
เอเลน เพียร์สัน รักษาการผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอทช์ เอเชีย กล่าวว่า การดำเนินคดีกับทั้ง 4 เป็นการพิจารณาคดีทางทหารที่ไม่เป็นธรรมและมีแรงจูงใจทางการเมืองอย่างร้ายแรง
“ความป่าเถื่อนและการเพิกเฉยต่อชีวิตมนุษย์มีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้ขบวนการประท้วงต่อต้านการรัฐประหารยุติลง” เพียร์สัน กล่าว หลังการประกาศการประหารชีวิต
โทมัส แอนดรูว์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมุนษยชนที่ได้รับการแต่งตั้งจากสหประชาชาติ ที่ได้กล่าวประณามการตัดสินใจดำเนินการประหารชีวิตต่อหลังจากได้ประกาศไปในเดือน มิ.ย. ได้เรียกร้องให้นานาชาติตอบโต้อย่างแข็งกร้าว
“ผมรู้สึกโกรธเคืองและเสียใจกับข่าวการประหารชีวิตของรัฐบาลทหารพม่าต่อผู้รักชาติและผู้สนับสนุนสิทธิมนุษยชน บุคคลเหล่านี้ถูกดำเนินคดีและถูกพิพากษาโดยศาลทหารโดยปราศจากสิทธิในการอุทธรณ์ และมีรายงานว่าขาดที่ปรึกษาทางกฎหมาย ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ” โทมัส แอนดรูว์ กล่าว
นายกรัฐมนตรีฮุนเซน ประธานหมุนเวียนของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ได้วิงวอนในหนังสือฉบับหนึ่งในเดือน มิ.ย. ถึง พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหาร ว่า อย่าลงโทษประหารชีวิต พร้อบกับได้ถ่ายทอดความวิตกกังวลจากบรรดาประเทศเพื่อนบ้านของพม่า
โยชิมาสะ ฮายาชิ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า การประหารชีวิต ซึ่งขัดกับการเรียกร้องของญี่ปุ่นที่ต้องการข้อยุติอย่างสันติตลอดจนต้องการให้ปล่อยตัวนักโทษ จะยิ่งทำให้พม่าถูกโดดเดี่ยวมากขึ้น
กระทรวงการต่างประเทศของพม่าปฏิเสธกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นหลังการประกาศในเดือน มิ.ย. โดยระบุว่า ระบบตุลาการของพม่ามีความยุติธรรม การใช้โทษประหารเป็นเรื่องชอบธรรมและมีใช้ในหลายประเทศ นอกจากนี้ เพียว เซยา ตอ และจ่อ มิน ยู ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นผู้บงการการโจมตีก่อการร้ายอย่างเต็มรูปแบบต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์เพื่อปลูกฝังความกลัวและขัดขวางความสงบสุขและเสถียรภาพความมั่นคง
“พวกเขาสังหารคนอย่างน้อยๆ 50 คน” พล.ต.ซอ มิน ตุน โฆษกกองทัพ กล่าวเมื่อเดือนก่อน เขากล่าวว่า การตัดสินใจแขวนคอนักโทษ 4 คน เป็นไปตามหลักนิติธรรมและมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้ในอนาคต
การยึดอำนาจของทหารจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของอองซานซูจี ก่อให้เกิดการชุมนุมประท้วงอย่างสันติ ซึ่งไม่ช้าได้ยกระดับขึ้นเป็นการต่อต้านด้วยอาวุธและจากนั้นก็เกิดการต่อสู้อย่างกว้างขวาง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติบางคนระบุว่าเป็นสงครามกลางเมือง
กลุ่มต่อต้านบางกลุ่มมีส่วนร่วมในการลอบสังหารและวางระเบิดในเขตเมือง ซึ่งองค์กรฝ่ายต่อต้านกระแสหลักมักปฏิเสธกิจกรรมดังกล่าว แต่ขณะเดียวกัน ได้สนับสนุนการต่อต้านด้วยอาวุธในพื้นที่ชนบทที่มักตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีทางทหารอย่างรุนแรง
ตามกฎหมายของพม่า การประหารชีวิตต้องได้รับอนุญาตจากหัวหน้าคณะรัฐบาล และการประหารชีวิตครั้งสุดท้ายในพม่าเชื่อกันโดยทั่วไปว่าเกิดขึ้นกับแกนนำนักศึกษา สะไล ทิน หม่อง อู เมื่อปี 2519 สมัยรัฐบาลเผด็จการทหาร เน วิน
ในปี 2557 โทษประหารชีวิตได้รับการลดหย่อนเหลือแค่จำคุกตลอดชีวิต แต่ยังคงมีนักโทษหลายสิบคนได้รับโทษประหารในระหว่างนั้นจนถึงการยึดอำนาจเมื่อปีก่อน
สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองที่ติดตามการสังหารและการจับกุม ระบุว่า นับตั้งแต่ทหารยึดอำนาจมีพลเรือนถูกกองกำลังความมั่นคงสังหาร 2,114 คน และมีผู้ถูกตัดสินโทษประหารชีวิตอีก 115 คน แต่รัฐบาลทหารกล่าวว่าตัวเลขดังกล่าวนั้นเกินจริง
ภาพที่แท้จริงของความรุนแรงนั้นยากที่จะประเมิน เนื่องจากการปะทะกันได้ลุกลามไปยังพื้นที่ห่างไกลที่กลุ่มก่อความไม่สงบชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์กำลังต่อสู้กับกองทัพเช่นกัน
กองทัพอาระกัน (AA) กลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์กลุ่มหลักในรัฐยะไข่ กล่าวว่าการประหารชีวิตได้ทำลายความหวังของข้อตกลงสันติภาพ
“การกระทำนี้ลบล้างความพยายามของสมาชิกอาเซียนที่มีต่อสันติภาพและการปรองดอง” กองทัพอาระกันระบุในคำแถลง
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลโลกได้ปฏิเสธคำคัดค้านของพม่าต่อคดีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เกี่ยวกับการปฏิบัติของพม่าต่อชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮิงญา ซึ่งปูทางสู่การพิจารณาคดีอย่างเต็มรูปแบบ
ริชาร์ด ฮอร์ซีย์ นักวิเคราะห์อิสระจาก International CRISIS ระบุว่า การประหารชีวิตครั้งล่าสุดนี้เป็นการปิดโอกาสที่จะยุติความไม่สงบในพม่า
“นี่คือสิ่งที่รัฐบาลแสดงให้เห็นว่าพวกเขาจะทำในสิ่งที่ต้องการและไม่ฟังผู้ใด และมองว่านี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง แต่อาจเป็นการคำนวณที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง” ฮอร์ซีย์ กล่าว.